ในวันเสาร์หนึ่งของเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สุนทรพจน์ของเด็กหญิงผิวสีตัวเล็กๆ คนหนึ่งทำให้เกิดความตกตะลึงในสังคมอย่างกว้างขวาง
เธอชื่อ Naomi Wadler เด็กสาววัย 11 ปีจากเมือง Alexandria รัฐเวอร์จิเนีย ผู้สร้างแรงกระตุ้นด้วยคำพูดที่จับใจคนไปทั่วโลก
“หนูเป็นตัวแทนหญิงชาวแอฟริกันอเมริกันที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในการใช้อาวุธปืน ผู้ที่เต็มไปด้วยวัยเยาว์ที่สดใส สาวๆ ที่สวยงามและเต็มไปด้วยศักยภาพ” หนึ่งในถ้อยแถลงที่เธอกล่าวต่อหน้าผู้คนจำนวนมาในกรุงวอชิงตันดีซี
เธอได้รับเลือกให้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในเดือนมีนาคม หลังจากที่เธอได้จัดประท้วงในโรงเรียนประถม เมื่อวันที่ 14 มีนาคมเพื่อประท้วงความรุนแรงของปืน และให้เกียรติชีวิตของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ Marjory Stoneman Douglas ที่ Parkland รัฐฟลอริด้า
นอกจากนี้เธอยังให้เกียรติ Courtlin Arrington วัย 17 ปี นักเรียนไฮสคูลจาก Alabama ที่ถูกยิง และเสียชีวิตในโรงเรียนเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ที่ฟลอริด้า
Naomi บอกสถานีข่าวเวอร์จิเนียว่าเธอคิดว่า “นี่เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ที่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับความปลอดภัยที่โรงเรียน”
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สิ่งที่อยู่ภายในใจ และความถูกต้องที่เด็กสาวคนนี้ยึดมั่นได้บอกเล่าผ่านคำพูดที่เธอส่งไปยังผู้คนอื่นๆ เธอแน่ใจว่า การเดินขบวนไม่ได้เป็นเพียงแต่การกระทำสำหรับผู้ที่ถูกสังหารใน Parkland เท่านั้น แต่ยังสำหรับผู้ที่ไม่ได้แสดงตนและชื่อของพวกเขาก็คุ้มค่ากับการจดจำอีกด้วย
“วันนี้ หนูอยู่ที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของ Courtlin Arrington วันนี้หนูอยู่ที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของ Hadiya Pendleton และหนูอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพื่อเป็นตัวแทนของ Taiyana Thompson ผู้ที่เพิ่งจะอายุได้ 16 ปี และถูกยิงตายในบ้านของเธอที่นี่ ที่กรุงวอชิงตันดีซี”
“หนูอยู่ที่นี่เพื่อรับทราบและเป็นตัวแทนของสาวๆ ชาวแอฟริกันอเมริกันที่สื่อต่างๆ ไม่ได้ลงข่าวของพวกเราในหน้าหนังสือพิมพ์ หนูเป็นตัวแทนของหญิงชาวแอฟริกันอเมริกันที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในการใช้ปืนซึ่ง ผู้ที่เต็มไปด้วยวัยเยาว์ที่สดใส สาวๆ ที่สวยงาม และเต็มไปด้วยศักยภาพ”
Naomi กล่าวต่อว่า เธอรู้ว่าหลายคนคิดว่าเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะมีคิด และแสดงทัศนคติในเรื่องเหล่านี้
“พวกเพื่อนๆ และหนูอาจยังอายุแค่ 11 ขวบ เราอาจยังเรียนอยู่ในโรงเรียนประถม แต่เรารู้ เรารู้ว่าชีวิตไม่เท่ากันสำหรับทุกคน และเรารู้ว่าอะไรถูก และผิด “เธอกล่าว
“เรารู้ว่าเรายืนอยู่ในเงาของ Capitol และเรารู้ว่าเรามีเวลาอีก 7 ปี กว่าที่เราจะมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน”
คำพูดดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสที่หนักหน่วงบนสื่อออนไลน์อย่าง Twitter บางคนเรียกสาวน้อยคนนี้ว่า “ประธานาธิบดี” บางคนบอกว่า “เธอคืออนาคตของเรา”
.
.
.
.
.
.
การได้เห็นต้นกล้าต้นเล็กๆ ที่มาพร้อมกับความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น อาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ทำให้เราได้รู้ว่า แม้โลกนี้จะเต็มไปด้วยความโหดร้าย แต่ยังมีหัวใจอีกมากมายที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงและแก้ไขให้ดีขึ้นในอนาคต
ที่มา : huffingtonpost
