9 สถานการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะ “ดื่มน้ำผิดเวลา อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้”

การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ดวงตาดูสดใส มีชีวิตชีวา และลดอาการท้องผูก เรียกได้ว่าน้ำมีประโยชน์ครอบจัรวาล

แต่รู้หรือไม่ว่าหากเราดื่มน้ำผิดเวลา อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ใครที่ยีงมีพฤติกรรมการดื่มน้ำดังต่อไปนี้ควรหลีกเลี่ยงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อร่างกาย

 

 

1. ดื่มน้ำก่อนนอน

การดื่มน้ำจะทำให้การนอนหลับเกิดการขัดจังหวะ กล่าวคือหากดื่มน้ำมากๆ ก่อนนอนอาจจะทำให้ปวดปัสสาวะจนต้องลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึก นอกจากนี้ยังทำให้ใบหน้า และแขนบวมขึ้นกว่าปกติในตอนเช้า เพราะไตคนเราทำงานช้าลงในเวลากลางคืน

 

2. ดื่มน้ำระหว่างการออกกำลังกายอย่างหนัก

การดื่มน้ำระหว่างออกกำลังกายจะทำให้เกิดการอิ่มตัวของอิเลคโตรไลต์ในร่างกาย ซึ่งนำพามาสู่อาการปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน และเวียนหัวได้ง่าย วิธีที่ถูกต้องคือควรดื่มน้ำหลังจากการออกกำลังกายจะดีกว่า

 

3. ดื่มน้ำมากเกินไปจนปัสสาวะไม่มีสี

การที่ปัสสาวะใส ไม่มีสีนั้นบ่งบอกว่าร่างกายของคุณได้รับน้ำในปริมาณมากเกินไป เพราะน้ำจะทำให้ปริมาณโซเดียมในร่างกายต่ำลง และอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจได้

 

4. ดื่มน้ำแก้เผ็ด

เวลากินอาหารที่เผ็ดมากๆ ไม่ควรดื่มน้ำตามลงไปเพราะจะทำให้เผ็ดมากกว่าเดิม ในทางกลับกันควรหานมมาดื่มแทนเพื่อแก้อาการเผ็ดจะดีกว่า

 

5. ดื่มน้ำก่อน ระหว่าง และหลังกินอาหารทันที

การดื่มน้ำก่อน ระหว่าง และหลังกินอาหารทันทีจะทำเกิดอาการแน่นท้อง และอาการอาหารไม่ย่อยได้ง่าย

 

6. ดื่มน้ำจากท่อน้ำดื่ม

การดื่มน้ำจากท่อน้ำดื่มจะทำให้เสี่ยงต่อโรคได้ ดังนั้นถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ควรตรวจสอบวัสดุที่ใช้ทำท่อให้ดี เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ

 

7. ดื่มน้ำผสมสารให้ความหวาน

คนที่ลดน้ำหนักบางคนมักใช้สารให้ความหวาน หรือน้ำตาลเทียมแทนน้ำตาลที่ผลิตจากธรรมชาติ แต่สิ่งนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้น้ำหนักไม่ลดลงไป และรู้หรือไม่ว่าน้ำมะนาวก็มีส่วนช่วยให้คุณน้ำหนักขึ้นได้เช่นกัน

 

8. ดื่มน้ำจากทะเล

เวลาไปเล่นน้ำทะเล หากน้ำเข้าปากควรบ้วนทิ้งทันที ห้ามเผลอกลืนเด็ดขาดเพราะน้ำในทะเลนั้นเจือปนไปด้วยเชื้อโรค และเป็นการเพิ่มปริมาณเกลือในร่างกายซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมาได้

 

9. ดื่มน้ำมากเกินไป

การดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้ปริมาณโซเดียมในร่างกายลดต่ำลง และยังเป็นการขัดขวางการทำงานของไตอีกด้วย

 

ที่มา:  brightside

ร่วมแสดงความคิดเห็น...

SHARE

ดูเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ...