พฤติกรรม หรือกิจวัตรที่เราทำเป็นประจำทุกวันนี้ บางทีเราก็ไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลเสียในทางลบ เพื่อให้ทุกคนได้รู้ และปรับตัว เราจึงมี 10 พฤติกรรมที่คุณควรหลีกเลี่ยง และปรับปรุงมาฝากกัน เพราะมันไม่ได้ส่งผลดีอย่างที่คิด
ใครเคยทำตาม 10 ข้อต่อไปนี้ต้องหยุด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อผลดีต่อตนเองนะจ๊ะ
1. แคะหู
ร่างกายของคนเรามีระบบทำความสะอาดในตัวเองโดยอัตโนมัติ ขี้หูในหูเราก็สามารถสลายไปได้เองผ่านช่องหู และการที่ใช้สำลีแคะหูบ่อยๆ แทนที่จะทำให้ขี้หูหมดไป กลับกลายเป็นเพิ่มปริมาณขี้หูให้มากขึ้น ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนวิธีทำความสะอาดมาเป็นเช็ดเบาๆ ด้วยผ้าขนหนูเปียกหลังจากอาบน้ำเป็นประจำจะดีกว่า
2. ยืนห่างจากไมโครเวฟ
จริงๆ แล้วการยืนใกล้ไมโครเวฟไม่ได้มีผลเสียต่อร่างกาย นอกเสียจากว่าคุณกำลังสัมผัสไมโครเวฟขณะที่ยังเปิดใช้งานอยู่
3. กดชักโครกขณะที่เปิดฝาชักโครกอยู่
การเปิดฝาชักโครกไว้ขณะกดชักโครกจะทำให้แบคทีเรียในโถสามารถกระจายตัว และพุ่งสูงขึ้นได้ไกลถึง 2 เมตร ดังนั้นจึงควรปิดฝาก่อนกดชักโครกทุกครั้ง
4. ล้างของกินแทบทุกชนิด
ของกินบางชนิดไม่จำเป็นต้องล้างทำความสะอาดก่อนกินเสมอไป ยกตัวอย่างเช่นเนื้อแดง หรือเนื้อนก เพียงแค่ต้ม หรืออบแบคทีเรียในเนื้อก็ตายสนิทแล้ว
5. ทำความสะอาดจมูก
เมื่อหายใจไม่ค่อยสะดวก หลายคนมักจะใช้มือแคะขี้มูก หรือสิ่งสกปรกในโพรงจมูกให้หมดไป การทำความสะอาดแต่ละครั้งจึงต้องให้แน่ใจว่ามือของคุณนั้นสะอาด ซึ่งการทำความสะอาดโพรงจมูกสามารถทำได้โดยการใช้น้ำเกลือทำความสะอาดนั่นเอง
6. ทิ้งกาต้มน้ำให้เต็มไปด้วยคราบหินปูน
กาต้มน้ำที่ทิ้งไว้นานจนภายในเกาะเต็มไปด้วยหินปูนนั้น หากไม่ทำความสะอาดอาจจะทำให้มีเชื้อแบคทีเรีย หรือมีสารปนเปื้อนมากับน้ำที่นำไปต้มได้
7. แปรงฟันหลังจากกินอาหาร
เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่คุณจะแปรงฟันทุกวัน แต่รู้หรือไม่ว่าคุณไม่ควรแปรงฟันทันทีหลังจากกินอาหาร เนื่องจากเป็นสาเหตุทำลายสารเคลือบฟัน ทันตแพทย์จึงแนะนำว่าหลังจากกินอาหารควรบ้วนปาก หรือเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำลาย จากนั้น 30-60 นาทีก็ค่อยไปแปรงฟัน
8. นั่งไขว่ห้าง
การนั่งไขว่ห้างไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดเส้นเลือดขอดเสียทีเดียว ท่านี้ก็ยังสามารถนั่งได้ เพียงแต่ไม่ควรนั่งท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน
9. นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกวัน
การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวันเป็นสาเหตุให้ดวงตาเหนื่อยล้า อีกทั้งยังก่อให้เกิดโรค “computer vision syndrome” ที่ส่งผลให้ตาแห้ง ปวดลามไปถึงคอ และไหล่ ดังนั้นจึงควรปรับแสงหน้าจอคอมให้พอเหมาะ และหยุดพักสายตาระหว่างวัน
10. จับพวงมาลัยรถยนต์ในตำแหน่ง 10 นาฬิกา และ 2 นาฬิกา
จริงๆ การจับพวงมาลัยรถยนต์ในตำแหน่ง 10 นาฬิกา และ 2 นาฬิกา ก็ไม่ใช่เรื่องผิดซะทีเดียว เพียงแต่มีการศึกษาของนักวิจัยแนะนำว่าควรเปลี่ยนมาจับพวงมาลัยในตำแหน่ง 9 นาฬิกา และ 3 นาฬิกาแทน เพราะทำให้สามารถเลี้ยวได้แม้ขณะขับเร็ว อีกทั้งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ทำให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่เกิดจากถุงลมนิรภัยได้
ที่มา: brightside