Modal Verbs หรือกริยาช่วยที่เราพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาจากคำจำพวก Must , Have to และ Should แม้ว่าคำเหล่านี้จะมีความหมายที่ต่างกันไป แต่ผู้คนก็มักจะผสมกริยาเหล่านี้อย่างไม่ค่อยถูกต้องนัก ในบทความนี้เราจึงมีหลักการใช้มาฝากกันค่ะ
1. Must และ Have To
Must และ Have To พูดถึงสิ่งที่ต้องทำ สิ่งที่ไม่สามารถเลือกที่จะไม่ทำไม่ได้ ตัวอย่าง
We must talk to her before she leaves. (ฉันต้องคุยกับเธอก่อนที่เธอจะไป) ถ้าใช้ประโยคนี้คือคุณคิดว่านี่เป็นเรื่องสำคัญมากและต้องคุย
I have to go into work early tomorrow. (พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแต่เช้า) ซึ่งประโยคนี้หมายความว่าคุณไม่มีทางเลือกอื่น
แยกออกไหมว่าต่างกันอย่างไร??
ใช้ Must เพราะทำให้ดูเป็นเรื่องส่วนตัวมากขึ้น จะเห็นจากตัวอย่างประโยคข้างต้นคือต้องคุยกับเธอให้ได้ก่อนที่เธอจะไป ซึ่งมันมาจากความรู้สึกของผู้พูด
แล้ว Have to ล่ะต่างกันอย่างไร
ตัวอย่างของ Have to จะพูดถึงเรื่องที่เป็นสถานการณ์มากกว่า เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน อาจมีนัดหมายสำคัญกับลูกค้า ซึ่งเป็นการบีบบังคับจากสถานการณ์ไม่ใช่จากตัวเอง
2. Mustn’t และ Don’t Have To
Mustn’t และ Don’t Have To มีความต่างกันอย่างชัดเจน ไม่เหมือน Must และ Have to ที่ค่อนข้างคล้ายกันอยู่
Visitors must not touch the paintings. (ผู้เข้าชมต้องไม่แตะต้องภาพวาด)
You don’t have to be here before ten. (คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก่อน 10 โมง)
สิ่งที่สองคำนี้แตกต่างกันคือ
Must not หมายถึง สิ่งต้องห้าม ไม่อนุญาตให้ทำ
Don’t have หมายถึง เอ่ยถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องทำ คุณสามารถเลือกที่จะทำหรือไม่ทำ
3. Must และ Should
ใช้ Should เพื่อแนะนำหรือแสดงความคิดเห็น ตัวอย่างเช่น
You should go to bed earlier. Then you wouldn’t feel so tired all the time. (คุณควรเข้านอนให้ไว แล้วคุณจะไม่รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา) เป็นคำแนะนำที่ที่สื่อว่าดีกว่านะถ้าคุณทำแบบนี้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้ ดังนั้นคุณก็มีทางเลือกอื่นที่สามารถทำได้อีก
มาดูที่การใช้ Must สำหรับการแนะนำกันบ้าง ตัวอย่างเช่น
You must try the fish. It’s delicious! (คุณต้องลองทานปลาดู มันอร่อยมาก!)
แต่อันที่จริงก็สามารถใช้ have to เพื่อแนะนำได้เช่นกัน ตัวอย่าง
You have to try the fish. It’s delicious! (คุณต้องลองทานปลาดู มันอร่อยมาก!)
ความแตกต่างของการใช้คำเหล่านี้คือ
must หรือ have to ให้ความรู้สึกที่หนักแน่น เน้นย้ำสำคัญมากกว่าการใช้ should
หากพูดว่า You should try the fish. ฟังดูเป็นกลางกว่า แต่ถ้าเปลี่ยน Should ในประโยคนี้เป็น must หรือ have to จะให้ความรู้สึกที่หนักแน่น ตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังเอ่ย และคุณก็ชอบทานปลามาก
ดังนั้นคุณสามารถใช้ must, have to หรือ should เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือแนะนำก็ได้
4. Must, Have To และ Should
ใช้ Must สำหรับ:
-รู้สึกหนักแน่นจริงจังเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ เช่น I must remember to send him a birthday card.
-ใช้แบบเป็นทางการ ในการเขียนภาษาอังกฤษ เช่น All employees must wash hands.
-แนะนำอย่างจริงจัง เช่น You must read it—it’s an amazing story!
-หากใช้ mustn’t พูดถึงเกี่ยวกับสิ่งต้องห้าม เช่น Children must not be left unattended.
โดย mustn’t หรือ must not ดูเป็นทางการมากกว่า
have to ใช้สำหรับ:
-สิ่งที่ขึ้นอยู่กับกฎหรือสถานการณ์ เช่น I have to wear glasses because I can’t see so clearly.
-เอ่ยถึงข้อผูกมัดส่วนใหญ่ เช่น Do you have to work tomorrow?
-พูดถึงสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น You don’t have to do this if you don’t want to.
-แนะนำแบบจริงจัง เช่น You have to try this ice cream!
ใช้ have to สำหรับคำแนะนำที่จริงจังมากกว่า must
ใช้ Should สำหรับ:
-แนะนำ เช่น You should try once more—I’m sure you can get it.
-คำแนะนำเชิงลบ เช่น You shouldn’t work so hard. Take a break sometimes!
-แสดงความคิดเห็น เช่น If they make us work overtime, they should pay us for it.
สุดท้ายแล้วทั้งสามคำกริยายังสามารถใช้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความน่าจะเป็น และความแน่นอนได้ด้วย สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากวิดีโอด้านล่างนี้เลย