บางครั้งคุณอาจจะนึกอยากออกท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนและเปลี่ยนบรรยากาศ แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงไปเจอสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่นักเดินทางมีมากจนวุ่นวายไม่แพ้กัน
ทางออกของปัญหาเหล่านี้จึงมักเป็นตัวเลือกการไปพักผ่อนแถวชนบทหรือย่านชานเมืองที่ห่างไกลออกมาหน่อย แน่นอนว่าเมื่อต้องแลกมากับความสงบอาจทำให้มันไม่ค่อยมีอะไรจูงใจให้คุณอยากไป นอกจากอากาศบริสุทธิ์และชีวิตแบบสโลวไลฟ์
แต่ถ้าคุณได้รู้จักกับ 17 สถานที่ต่อไปนี้ คุณอาจจะอยากลางานแล้วเก็บกระเป๋ารอวันหยุดพักผ่อนให้มาถึงเร็วที่สุดเลยก็ได้ โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบโลกในเทพนิยาย บอกได้เลยว่าไม่มีผิดหวัง ไปดูกันว่าทั้ง 17 สถานที่นี้อยู่ที่ไหนในโลกบ้าง แล้วจะสวยอย่างที่โม้ไว้รึเปล่า
17. เมือง Hallstatt ประเทศออสเตรีย
ประชากรของ Hallstatt มีไม่เกิน 1,000 คน ชุมชนบนเนินเขาที่มากไปด้วยบ้านอันสวยงามล้อมรอบด้วยทะเลสาบสีฟ้า ซึ่งเป็นที่อยู่ของฝูงหงส์ และทะเลสาบที่สะท้อนเงาของเทือกเขาแอลป์
16. หมู่บ้าน Simiane-La-Rotonde Village เมือง Provence ประเทศฝรั่งเศส
ทุกสิ่งที่คุณต้องการในการพักผ่อนได้ถูกรวรวมเอาไว้ที่นี่ทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ท้องฟ้าสีฟ้า ทุ่งลาเวนเดอร์ เทือกเขาแอลป์ อาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน เทศกาลช่วงฤดูร้อนของดนตรีโบราณและเสน่ห์ที่ลืมไม่ลงของ Provence
15. หมู่บ้านสายรุ้ง เมือง Taichung ประเทศไต้หวัน
ในเขตชานเมืองของเมือง Taichung คือถิ่นฐานของทหารปลดเกษียณซึ่งภายหลังทางการได้ตัดสินใจรื้อถอนบ้านทั้งหมดออก เหลือเพียงกำแพงที่ถูกวาดภาพและลงสีโดยทหารผ่านศึกวัย 86 ปีเพื่อเป้นการฝังความทรงจำเกี่ยวกับบ้านของพวกเขาไว้บนกำแพง ในวันนี้ มันกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตมากที่สุดในไต้หวัน
14. เมือง Marsaxlokk ประเทศมอลตา
Marsaxlokk เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีสีสันบนเกาะมอลตา ไม่มีพายุในอ่าวแถบนี้และนั่นเป็นเหตุผลที่บ้านที่ทำจากหินทรายสีเหลืองยังคงแข็งแรงและเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำจนทุกวันนี้ ประชากรใน Marsaxlokk มีเพียง 3,000 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่ที่นี่ยังยึดอาชีพชาวประมงเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา
13. เกาะลอยบนทะเลสาบ Titicaca พรมแดนประเทศโบลีเวียและประเทศเปรู
บนพรมแดนของเปรูและโบลิเวีย ตั้งอยู่ที่ทะเลสาบ Titicaca ซึ่งมีเผ่าที่เรียกว่า Uruอาศัยอยู่บนเกาะลอย 42 หลังในทะเลสาบ เกาะเหล่านี้สร้างจากไม้วัสดุชนิดเดียวกับที่ใช้ทำเรือสำหรับตกปลา แม้จะห่างไกลจากอารยธรรม แต่ก็สามารถมองเห็นแผงโซลาร์เซลล์บนเกาะเพื่อให้คนในท้องถิ่นดูทีวีได้
12. เมือง Alberobello ประเทศอิตาลี
Alberobello มีชื่อเสียงในด้านคอมเพล็กซ์ประกอบด้วยอาคาร 1400 trullo ซึ่งยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางประวัติศาสตร์และด้านมนุษยธรรม
Trullos เป็นบ้านที่สร้างจากหินปูนและเป็นตัวอย่างที่ไม่ซ้ำกันของอาคารที่มีผนังก่ออิฐแห้ง ชื่อ Trullos มาจาก trulla ซึ่งเป็นภาษาละตินที่หมายความว่าโดม
11. เมือง Monsanto ประเทศโปรตุเกส
นิคมอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่มีชื่อว่า Monsanto ถูกเรียกว่า “หมู่บ้านสไตล์ชาวโปรตุเกสที่สุดในโปรตุเกส” มีสุภาษิตท้องถิ่นกล่าวเอาไว้ว่า “ใน Monsanto คุณไม่มีทางรู้เลยว่าก้อนหินเหล่านั้นเกิดจากบ้าน หรือบ้านที่นั่นเกิดจากก้อนหิน” สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของท้องถิ่นที่มีสถาปัตยกรรมจากหินตั้งแต่กำแพงไปจนถึงหลังคาบ้าน
บ้านหลังเล็กๆ ของที่นี่จะมีหลังคากระเบื้องสีแดงซ่อนตัวอยู่ใต้ก้อนหินแกรนิตขนาดใหญ่และถนนแคบๆ ก็ดูเหมือนจะถูกแกะสลักจากหินโดยยักษ์
10. เมือง Uchisar ประเทศตุรกี
หมู่บ้านที่ไม่เหมือนใครแห่งนี้สร้างความประหลาดใจให้ผู้ที่มาเยือนด้วยรูปลักษณ์และมุมมองที่เหมือนกับถูกแกะสลักบนหน้าผา ขณะที่หอคอย tufa สีขาวและยอดเขารอบๆ ยิ่งทำให้เป็นที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งสสถานที่สุดพิศวงของโลก
9. นาขั้นบันได Longji ประเทศจีน
นาขั้นบันได Longji ในประเทศจีนได้รับการยกย่องว่าเป็นนาที่สวยที่สุดในประเทศ ชาวท้องถิ่นมักเรียกสถานที่นี้ว่าเป็น “โครงกระดูกของกระดูกสันหลังมังกร”
ชานระเบียงตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Ping An ที่มีสีสันซึ่งอยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 การก่อสร้างใช้เวลานานและต้องอาศัยความพยายามอย่างมากมาก แต่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเวลานั้นไม่มีทางเลือกเพราะต้องเลี้ยงดูครอบครัว และการสร้างบ้านบนภูเขาเป็นโอกาสเดียวที่จะมีชีวิตรอดได้
8. เมือง Pariangan ประเทศอินโดนีเซีย
ภูเขาไฟที่ดับแล้วอย่าง Merapi ตั้งอยู่เหนือหมู่บ้าน แบบดั้งเดิมที่มีเสน่ห์ซึ่งมีอาคารเก่าแก่ 300 ปีที่มีกำแพงหวายหวายและมัสยิดอันสวยงามแห่งศตวรรษที่ 19 แห่งนี้ในสุมาตราตะวันตกและเป็นหนึ่งในสมบัติทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ
7. หมู่บ้านชาวประมง Cua Van ประเทศเวียตนาม
หมู่บ้านชาวประมงที่สวยงามแห่งนี้ชื่อว่า Cua Van ตั้งอยู่ในอ่าวฮาลอง เป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถเดินทางได้โดยเรือ ทุกคนที่นี่อาศัยอยู่ในบ้านที่สวยงามซึ่งมีลักษณะเป็นเรือนแพ
6. Giethoorn เมือง Dutch Venice ประเทศเนเธอร์แลนด์
หนึ่งในหมู่บ้านที่น่าตื่นตาตื่นใจและมีสีสันมากที่สุดในเนเธอร์แลนด์ชื่อ Giethoorn หรือ “The Dutch Venice” หมู่บ้านนี้มีอายุเกือบ 100 ปี ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้เรือในการสัญจรทางน้ำ และจักรยานในการสัญจรทางบก
5. เมือง Bibury ประเทศอังกฤษ
หมู่บ้าน Bibury มีชื่อเสียงในเรื่องของการสร้างแรงบันดาลใจจากความสวยงามที่น่าทึ่ง ที่นี่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเกือบ 1,000 ปีที่แล้ว และยังคงกลิ่นอายของศตวรรษที่ 11 เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมเก่า ธรรมชาติอันงดงามและการสัญจรที่ยังไร้พาหนะ ภาพยนตร์เรื่อง Bridget Jones’s Diary ถูกถ่ายทำที่นี่รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Miss Marple ซึ่งเป็นที่รักของผู้คนทั่วโลกก็เกิดที่นี่
4. หมู่บ้าน Reine Lofoten ประเทศนอร์เวย์
Reine เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีทิวทัศน์อันงดงามบ้านแสนสบายและมีประชากรเพียง 350 คนเท่านั้น
Reine เป็นหมู่บ้านที่มีขนาดกะทัดรัดตั้งอยู่ใต้ภูเขารอบฟยอร์ดในปี 1743 หมู่บ้านที่งดงามแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวนับพันจากทั่วทุกมุมโลกมาชมความงามตามธรรมชาติของมันเอง
3. เกาะ Faroe หมู่บ้าน Gásadalur ประเทศเดนมาร์ก
หมู่บ้าน Gásadalur ตั้งอยู่ในหุบเขาอันสวยงามระหว่างหน้าผาสูงที่สุดของเกาะ Vagar ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ Faroe ประชากรของหมู่บ้านในปี 2002 มีเพียง 16 คนเท่านั้น ในเวลานั้นการเดินทางเข้าหมู่บ้านแห่งนี้ต้องใช้เวลานาน จนกระทั่งในปี 2004 มีการสร้างอุโมงค์พิเศษขึ้นเพื่อลดระยะทาง นับแต่นั้นนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็เดินทางมาที่นี่
2. San Gimignano เมือง Tuscany ประเทศอิตาลี
San Gimignano ก่อตั้งเมื่อศตวรรษที่ 3 โดยชาว Etruscan เดิมทีเคยเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ก่อนจะกลายเป็นเมืองในคริสต์ศตวรรษที่ 10 ลักษณะเด่นของเมืองนี้คือหอคอย แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันมีเหลือเพียง 14 หลังเท่านั้น (จากตอนแรกที่มีมี 72 หลัง)
1. หมู่บ้านชาวประมง Kaliningrad ประเทศรัสเซีย
หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้เป็นตึกที่สร้างขึ้นในสไตล์เยอรมันและศูนย์รวมความเก๋ไก๋ของสถาปัตยกรรมยุคก่อนสงคราม Königsberg นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางชาติพันธุ์ วิทยาการค้า และหัตถกรรมของเมือง
แถมท้ายให้ :)
Abandoned Château de la Mothe-Chandeniers ประเทศฝรั่งเศส
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ใช่หมู่บ้านหรือเมืองที่มีคนอาศัย แต่ปราสาทแสนสวยหลังนี้ยังคงน่าชื่นชม ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขต Les Trois-Moutiers ทางตะวันตกของฝรั่งเศสและเคยเป็นที่พำนักของครอบครัว Bauçay ปราสาทถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และถูกทำลายในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส
ต่อมาถูกซื้อโดยนักธุรกิจที่ร่ำรวยจนกระทั่งไฟไหม้ในปี 1932 ซึ่ง ได้ทำลายส่วนหลักของปราสาทให้เสียหาย ปัจจุบันผู้คนกำลังบริจาคเงินออนไลน์เพื่อซื้อและบูรณะมันขึ้นมาใหม่
ที่มา : brightside.me