ธรรมเนียมงานแต่งงานที่น่าสนใจมีหลากหลายประเทศทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือการแต่งงานของประเทศญี่ปุ่นที่ให้ความรู้สึกมีมนต์ขลัง หรูหรา และเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นตะวันออกที่อบอุ่น
งานแต่งงานของญี่ปุ่นอาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้งบประมาณมากหน่อย เพราะรูปแบบพิธีที่มีหลายขั้นตอนรวมถึงการตกแต่งที่ประณีตในทุกสิ่ง ต่างจากงานแต่งงานของชาวอเมริกันซึ่งเป็นความฝันของสาวๆ หลายคนที่อยากให้ออกมาสวยงามสมกับเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ขั้นตอนหรือพิธีการจะน้อยกว่า
และนี่คือข้อแตกต่างที่สามารถสังเกตเห็นได้
1. งานแต่งงานที่ญี่ปุ่นมี 4 แบบ
งานแต่งงานที่เป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่นมีทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน นั่นก็คือ
– แต่งงานแบบคริสเตียนเช่นเดียวกับที่เห็นได้ในภาพยนตร์ฮอลลีวูด และเป็นที่นิยมมากแม้ว่าคู่รักจะไม่ใช่คริสเตียนก็ตาม
– ตามแบบญี่ปุ่นไทม์ส สไตล์นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความงดงามและเสน่ห์ของ “งานแต่งงานสีขาวฉบับเทพนิยาย” โดยได้รับอิทธิพลมาจากงานแต่งงานของเจ้าหญิงไดอาน่าในช่วงทศวรรษที่ 1980
– สไตล์ชินโตเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองของงานแต่งงานในญี่ปุ่นและมักเป็นสิ่งที่คนคิดถึงเมื่อพูดถึง”งานแต่งงานแบบญี่ปุ่น”
– พิธีและรูปแบบอื่นๆ แล้วแต่ความสะดวกของคู่บ่าวสาว
2. เฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญท่านั้นจึงจะสามารถมางานแต่งงานนี้ได้
ในสหรัฐอเมริกา หากคุณพาแขกที่ไม่ได้รับเชิญไปที่งานแต่งของใครก็ตาม คุณอาจจะได้รับสายตาที่จับจ้องด้วยความสงสัย
ในประเทศญี่ปุ่น มันคือธรรมเนียมพื้นฐานของทุกคนที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าคุณไม่ควรทำแบบนี้
3. ไม่มีการลงทะเบียนแขกที่เข้าร่วม – สำหรับของขวัญแต่งงานที่ดีที่สุดคือเงินสด
โดยส่วนใหญ่แล้ว แขกที่ได้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะนำของขวัญ (ซึ่งโดยมากก็คือเงินสด) ใส่ซองสำหรับงานแต่งมามอบให้ โดยจำนวนเงินจะขึ้นอยู่กับระดับความสัมพันธ์ที่มีต่อบ่าวสาว
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังให้ดีคือจำนวนตัวเลข เพราะเลขบางตัวในความเชื่อของญี่ปุ่นก็ถูกมองว่าเป็นเลขไม่มงคล เช่น เลข 4 ที่ภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า “ชิ” เป็นคำพ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า “ความตาย”
4. ถ้าคุณไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว คุณอาจไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีแต่งงาน
พิธีชินโตมักจะให้ความสำคัญกับเจ้าสาวเจ้าบ่าวและสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิด ทำให้จำนวนแขกที่เข้าร่วมมีน้อยกว่ารูปแบบอื่นๆ
5. ชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมแตกต่างกันไปและอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดงาน
งานแต่งงานส่วนใหญ่จะสวมชุดเจ้าสาวสีขาวและเจ้าบ่าวสวมทักซิโด้แบบที่คุณเห็นได้ในภาพยนตร์
ส่วนงานงานแต่งงานแบบชินโตนั้นคู่บ่าวสาวจะสวมชุดกิโมโนตัวพิเศษสำหรับงานวิวาห์ และหลังเสร็จสิ้นพิธีอย่างเป็นทางการแล้วเจ้าสาวมักจะเปลี่ยนเป็นชุดกิโมโนสำหรับงานแต่งชุดที่ 2 ซึ่งมีสีสันมากกว่าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าชีวิตของเธอได้ถูกแต่งแต้มสีสันโดยสามี
6. ไม่มีผ้าคลุมหน้า แต่ใช้เครื่องประดับพิเศษบนศีรษะแทน
เจ้าสาวในพิธีชินโตจะไม่สวมผ้าคลุมหน้า แต่เธอสวมหมวกสีขาวขนาดใหญ่ที่เรียกว่า wataboshi ที่มีจุดประสงค์เดียวกับม่านกั้นนั่นคือ ทำให้มีเพียงสามีเท่านั้นที่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้ในระหว่างพิธี
7. คู่รักจะร่วมดื่มสาเก 3 จอก ในระหว่างทำพิธี
Sankon no gi หรือที่เรียกอีกอย่างว่า sansankudo เป็นพิธีที่นักบวชชินโตช่วยเสริมความผูกพันระหว่างเจ้าสาวและเจ้าบ่าวด้วยถ้วยเหล้าสาเก 3 ถ้วย ถ้วยแรกจะหมายถึงการแสดงความขอบคุณต่อบรรพบุรุษของคู่บ่าวสาว ถ้วยที่สองหมายถึงแผ่นดินและคำมั่นสัญญาของทั้งสองฝ่ายในการดูแลกันและกันชั่วชีวิต และถ้วยที่สามจะหมายถึงคำอธิษฐานเพื่อชีวิตคู่ที่ยั่งยืน
8. การกล่าวคำสัตย์สาบานเพื่อส่งไปให้ถึงเทพเจ้า ไม่ใช่คู่รัก
ศาลเจ้าแต่ละแห่งเตรียมคำปฏิญาณที่เจ้าบ่าวจะต้องอ่านออกเสียงตามความเชื่อว่าเพื่อให้เหล่าเทพเจ้าได้รับรู้ถึงคำปฏิญาณนี้ ในตอนท้ายของการอ่านทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะพูดชื่อของตัวเองด้วยเสียงอันดัง เพื่อระบุว่าพวกเขายอมรับที่จะปฏิบัติตามคำพูดที่ได้กล่าวไป
9. ลำดับที่นั่งแตกต่างจากธรรมเนียมสากล
ในประเทศญี่ปุ่น การจัดลำดับที่นั่งจะให้ครอบครัวและเพื่อนสนิทนั่งห่างออกไปจากคู่บ่าวสาวเพื่อเป็นการแสดงความอ่อนน้อมต่อแขกที่มาร่วมงานโดยเฉพาะบริเวณโต๊ะวีไอพีซึ่งจะเต็มไปด้วยเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ได้รับเชิญมา
10. งานหลักจะจัดขึ้นแค่ครั้งเดียวและมักไม่มีการเต้นรำ
โดยส่วนมากแล้วสิ่งที่งานแต่งทั่วไปในญี่ปุ่นมักจะจัดขึ้นครั้งเดียว ไม่มีแบ่งเป็นพิธีหมั้นและพิธีแต่ง ภายในงานอาจจะมีสุนทรพจน์หรือวิดีโอที่เกี่ยวกับเจ้าสาวและเจ้าบ่าว นอกจากนี้ยังมีอาหารเครื่องดื่ม รวมถึงภาพถ่ายมากมายซึ่งทั้งหมดได้รับการประสานงานโดยเจ้าบ้าน
แต่อย่าคาดหวังว่าคุณจะได้พบกับดีเจหรือวงดนตรีสดและการเต้นรำ หรือแม้กระทั่งการร้องเพลงคาราโอเกะแบบหวานๆ สำหรับปาร์ตี้หลังเลิกงาน
11. เป็นธรรมเนียมที่เจ้าคู่บ่าวสาวจะมอบของชำร่วให้แขกนำกลับบ้าน
เป็นธรรมเนียมที่คล้ายกันกับบ้านเราคือการเตรียมของชำร่วยที่มักจะเป็นผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น หรือของชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้แขกนำกลับไปเป็นที่ระลึกเพื่อแสดงความขอบคุณที่พวกเขามาร่วมงานแต่งงาน
12. นอกจากงานเลี้ยงหลักแล้ว พวกเขายังมีงานเลี้ยงหลังเลิกงานด้วย
หลังเสร็จสิ้นพิธี ถ้าคุณอยากได้อาร์ฟเตอร์ปาร์ตี้เพื่อร่วมฉลองกับกลุ่มเพื่อนสนิท คุณจะต้องจ่ายเพิ่มเพื่อให้สามารถร้องคาราโอเกะหรืออาการและเครื่องดื่มที่เพิ่มเติมขึ้นมา (ค่าใช้จ่ายจะไม่รวมกับงบของงานแต่งหลัก)
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป พิธีการต่างๆ อาจถูกปรับเปลี่ยนให้ตามสมัยและสะดวกมากขึ้น แต่ต้องยอมรับเลยว่าประเทศญี่ปุ่นยังเป็นอีกหนึ่งดินแดนที่รักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิมไว้ได้มากที่สุดในโลก
ที่มา : www.thisisinsider.com