มองเผินๆ คุณอาจคิดว่าสวนสนุกดิสนีย์ทั่วโลกก็คงเหมือนๆ กันหมดต่างกันแค่สถานที่ แต่คุณรู้มั้ยว่าความจริงแล้วพวกเขาใส่รายละเอียดลงไปในแต่ละที่จนมีความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณว่าทำไม ดิสนีย์แลนด์ถึงได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งความสุขที่สุดในโลก” ส่วนดิสนีย์เวิร์ลก็ได้รับฉายาว่า “ที่สุดแห่งความมหัศจรรย์”
1. ขนาดของพื้นที่
ด้วยขนาดที่ต่างกันทำให้ดิสนีย์เวิร์ลในออร์แลนโดมีธีมพาร์คถึง 4 ธีมและมีสวนน้ำอีก 2 แห่ง โดยรวมสวนสนุกสี่แห่ง ส่วนดิสนีย์แลนด์ในแคลิฟอเนียร์มีแค่ 2 ธีมพาร์คและไม่มีสวนน้ำ ทำให้คุณสามารถเลือกความสนุกในแบบที่คุณต้องการได้อย่างหลากหลาย
2. ดิสนีย์แลนด์มีมานานกว่า
ดิสนีย์แลนด์ในแคลิฟอเนียร์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว ซึ่งเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกในปี 1955 ในขณะที่ดิสนีย์เวิร์ลเปิดทำการในปี 1971
หลังการเปิดให้บริการสวนสนุก มีเจ้าของบริษัทรายอื่นๆ ใช้ประโยชน์จากคนที่เดินทางมายังสวนสนุกหากำไรนั่นทำให้ วอลท์ ดิสนีย์ไม่พอใจมากเพราะรู้สึกว่ามันได้ทำลายภาพลักษ์และหลอกลวง ในการสร้างดิสนีย์เวิร์ลเขาจึงกว้านซื้อที่ดินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรองรับผู้คนจำนวนมากรวมถึงสร้างโรงแรมของดิสนีย์ในขนาดที่ใหญ่ขึ้นหลายเท่า
3. ให้ความตื่นเต้นที่แตกต่าง
แม้ว่าทั้งดิสนีย์เวิร์ลและดิสนีย์แลนด์จะมีชื่อธีมพาร์คเหมือนันอย่าง Tomorrowland หรือ Fantasyland แต่เครื่องเล่นในสวนสนุกแต่ละแห่งก็จะแตกต่างกันไป อย่างในดิสนีย์แลนด์ก็จะมี Mr. Toad’s Wild Ride, Matterhorn Bobsleds, Finding Nemo Submarine Voyage, Mickey’s Fun Wheel, และ Radiator Springs ส่วนที่ดิสนีย์เวิร์ลก็จะเป็นเครื่องเล่นจำพวก Pandora the World of Avatar, Seven Dwarfs Mine Train และ Spaceship Earth ซึ่งรูปแบบการเล่นก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป
4. การเที่ยวชมรอบๆ
เนื่องจากดิสนีย์แลนด์มีขนาดเล็กมาก(เมื่อเทียบกับดิสนีย์เวิร์ล) ดังนั้นการเที่ยวชรอบๆ สวนสนุกจึงทำได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเข้าพักที่โรงแรมดิสนีย์ คุณสามารถเดินเข้าสวนสนุกจากทางเดินผู้เข้าพักได้และยังมีทางเข้าพิเศษสำหรับ Disney California Adventure จาก The Grand Californian คุณสามารถขึ้นรถรางจาก Downtown Disney ตรงไปยัง Tomorrowland
ส่วนที่ดิสนีย์เวิร์ล หากอยากเที่ยวชมรอบๆ คุณสามารถนั่งเรือโดยสาร รสบัส หรือรถรางเพื่อเดินทางจากโรงแรมดิสนีย์ไปยังส่วนต่างๆ ของสวนสนุกและกลับมาที่โรงเเรมอีกครั้ง นั่นเป็หนึ่งนเหตุผลที่ว่าทำไมดิสนีย์เวิร์ลจึงเป็นสุดยอดแห่งการพักผ่อน
5. ร้านอาหาร
เนื่องจากความใหญ่โตของสถานที่ทำให้ทั้งดิสนีย์แลนด์และดิสนีย์เวิร์ลมีร้านอาหารมากมายคอยให้บริการ นอกจากเมนูประจำร้านที่มีสไตล์และรูปแบบที่แตกต่างแล้ว ร้านอาหารในดิสนีย์แลนด์ยังไม่มีบริการอาหารค่ำเหมือนเช่นในดิสนีย์เวิร์ล
นั่นอาจเป้นเหตุผลที่ทำให้พวกผู้ใหญ่ชื่นชอบการไปที่ดิสนีย์เวิร์ลมากกว่าก็เป็นได้
6. โรงแรมดิสนีย์
มีโรงแรมในเครือของดิสนีย์อยู่เป็นจำนวนมากที่มีสิ่งจูงใจให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าการเข้าพักที่นี่คุ้มค่ากว่าที่อื่น ซึ่งโรงแรมของทั้งดิสนีย์เวิร์ลและดิสนีย์แลนด์ก็จะมีความแตกต่างกันทั้งเรื่องราคา บริการ และสิทธิพิเศษต่างๆ ที่มีนอกเหนือจากบริการพื้นฐานตามมารตรฐานของดิสนีย์ อย่าเช่นชั่วโมงต้องมนต์ที่จะมองเห้นได้จากสวนสนุก หรือบริการทางเข้าพิเศษเพื่อให้คุณสามารถเข้าไปพบเจอกับเหล่าตัวการ์ตูนได้ก่อนใคร
7. ปราสาทดิสนีย์
ที่ดิสนีย์แลนด์คุณจะพบกับปราสาทของเจ้าหญิงนิทรารอต้อนรับพร้อมตัวมาสคอตสุดอลังการในขณะที่ดิสนีย์เวิร์ล เจ้าหญิงซินเดอเรลล่าจะออกมาพบปะกับนักท่องเที่ยวที่หน้าปราสาทของเธอ
8.FastPass และ FastPass +
ใครที่เคยไปเยี่ยมชมเครื่องเล่นในสวนสนุกของดิสนีย์คงจะรู้จักตั๋ว FastPass กันดี มันคือตั๋วที่เหมือนกับการจองช่วงเวลาไว้เพื่อให้ได้เล่นเครื่องเล่นได้เร็วขึ้น ที่ดิสนีย์แลนด์จะใช้ตั๋วกระดาษ ส่วนเมจิคคิงดอมที่ดิสนีย์เวิร์ลจะใช้สายรัดข้อมือที่มีระบบเช็คอินอิเลคทรอนิกส์แทนตั๋ว FastPass
9. ต้นฉบับเสน่ห์สุดคลาสสิค
ดิสนีย์แลนด์จะให้ความรู้สึกถึงเสน่ห์แบบดั้งเดิมเพราะเป็นที่แรกที่ดินแดนแห่งความฝันกำเนิดขึ้น วอลท์ ดิสนีย์ เคยใช้ที่นี่เป็นที่หลับนอนหลังจากที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างอาณาจักรแห่งนี้ขึ้นมา เขาไม่ทันได้อยู่ถึงตอนที่มีการเปิดตัวดิสนีย์เวิร์ล เนื่องจากเสียชีวิตไปในปี 1966 ขณะที่ดิสนีย์เวิร์ลเปิดตัวในปี 1971
ถึงอย่างไรก็ตามดินแดนแห่งความฝันก็ยังคงมีมนต์ขลังที่ทำให้ทุกคนที่ได้ไปเยือนยังคงมีหัวใจของเด็กน้อยและร่วมสนุกสนานไปกับความฝันที่ดิสนีย์สร้างขึ้น
ที่มา : www.thisisinsider.com