การท่องเที่ยวแบบ Road Trip (ขับรถเที่ยวเอง) เป็นอีกหนึ่งแนวการท่องเที่ยวที่เป้นที่นิยม โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะในสหรัฐเมริกา การได้ออกผจญภัยไปพร้อมกับก๊วนเพื่อนบนถนนที่ทอดยาว ผ่านทิวทัศน์ที่สบายตา แค่คิดก็รู้สึกว่าสนุกแล้ว
หากคุณกำลังวางแผนว่าจะออกเดินทางไปบนถนนในสหรัฐฯบ้างแล้วละก็ เราขอแนะนำเส้นทางที่มีสุดยอดวิวทิวทัศน์ ที่จะชวนให้คุณเพลิดเพลินไปตลอดการเดินทาง มาเริ่มออก Road Trip กันเถอะ!!
เวส เวอร์จิเนียร์ : ถนนไฮแลนด์วิว
บนเส้นทางสีเขียวที่ในฤดูใบไม้ผลิจะประดับประดาไปด้วยทุ่งดอกไม้ป่าพร้อมจุดชมวิวที่คุณสามารถแวะพักและชื่นชมธรรมชาติไปได้พร้อมๆ กัน
วอชิงตัน: ถนน Cascade Loop
ถนน Cascade Loop สิ่งหนึ่งในทริปที่คุณไม่ควรพลาดหากอยากจะขับรถเที่ยวในอเมริกา ท่ามกลางป่าไม้ น้ำตก และหมู่บ้านแสนน่ารัก เมื่องผ่านพ้นฤดูหนาวและหิมะละลาย ถนนสายนี้จะทำให้คุณประทับใจกับฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงหลังจากนั้น
เวอร์มอนท์ : เส้นทางหลวงหมายเลข 17
เส้นทางหลวงมีให้เลือกมากมายก็จริง แต่เส้นทางที่ 17 จะพาคุณไปสู่ทะเลสาบ Champlain เทือกเขา Green Mountains ซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงามมากมายตลอดทาง
เทนเนสซี่: ถนน Natchez Trace Parkway
ทางหลวงความยาวกว่า 708 กิโลเมตรที่ตัดผ่านมิสซิสซิปปี แอละบามา และเทนเนสซี คุณสามารถเดินทางไปยังน้ำตกได้หลายแห่งในเทนเนสซี เช่น น้ำตก Jackson และชื่นชมกับ Birdsong Hollow สะพานสองโค้งอันงดงาม
โอเรกอน : ถนน Mt. Hood Scenic Byway
ภูเขา Hood ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์อันงดงามของโอเรกอน เส้นทางที่ทอดยาวกว่า 160 กิโลเมตรนี้จะพาคุณไปพบกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาและหุบเขา Hood River Valley ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายตลอดเส้นทาง
นิวยอร์ก : ถนน Seven Lakes Drive
ถนนสาธารณะอันงดงามแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาฮัดสันและเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดในการเดินทางไปยัง Bear State Mountain Park คุณจะพบกับทะเลสาบทั้ง 7 เเห่งที่สวยงาม เช่นในภาพคือทะเลสาบ Askoti อันเป็นมาของชื่อถนนเเห่งนี้
นิว แฮมเชียร์: ทางหลวง Kancamagus
ทางหลวง Kancamagus เป็นระยะทางสั้นๆ ไม่ถึง วิ่งระยะทางไม่ถึง 60 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลัก 112 ของนิว แฮมเชียร์ ถนนเส้นนี้จะตัดผ่านป่าสงวนแห่งชาติ White Mountain ที่ซึ่งจะทำให้คุณได้ชมทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา
เนวาดา: ทางหลวง Mount Rose
ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตรที่จะทำให้คุณสามารถมองเห็นทิวทัศน์หุบเขา Washoe และทะเลสาบ Tahoe Basin ที่สวยงาม แต่คุณจำเป้นต้องขับรถด้วยความระมัดระวังเพราะที่นี่เป็นหุบเขาที่มืดทึบและมีหิมะปกคลุมหนาแน่นในฤดูหนาว
มิสซิสซิปปี: ถนน Natchez Trace Parkway
ถนน Natchez Trace แห่งนี้เป็นเส้นทางที่ชาวอเมริกันพื้นเมืองสร้างขึ้นเพื่อการค้า ความโดดเด่นของมันอยู่ที่บรรยากาศอันเงียบสงบที่มุ่งตรงไปยังปลายทางระหว่างมิสซิสซิปปีและเทนเนสซี
แมสซาชูเซส : ถนน Mohawk
ถนน Mohawk หรือทางหลวงหมายเลข 2 เป็นเส้นทางสำหรับรถยนต์แห่งแรกในประเทศ ทางหลวงที่ยาว กว่า 100 กิโลเมตรที่ทอดยาวจาก Athol ไปยัง Williamstown ที่ซึ่งคุณจะมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของเทือกเขา Berkshire
MAINE: ถนน US หมายเลข 1
ถนน US Route 1 ใน Maine เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากคุณต้องการเดินทางพร้อมกับชื่นชมทิวทัศน์ของชายฝั่ง ที่มีประภาคารหลายแห่งเรียงรายไปตลอดทาง
ฟลอริดา: ทางหลวง Overseas
ทางหลวง Overseas เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวไปบนถนนที่จะชวนให้คุณรู้สึกประทับใจกับทิวทัศน์ตลอดเส้นทางที่รายล้อมไปด้วยสีฟ้าของมหาสมุทรที่เหมือนโอบล้อมคุณไว้
ไอดาโฮ : ทางหลวงเก่าหมายเลข 95
ถนนสุดคลาสสิคสายนี้จะพาคุณไปสู่ใจกลางไอดาโฮเพื่อชื่นชมทุ่งหญ้า เทือกเขาร็อกกี้ และแม่น้ำวอเตอร์ฟรอน
ฮาวาย: ทางหลวงหมายเลข 61 หรือทางหลวง Pali
ทางหลวงสายนี้วิ่งจากทางเหนือสุดของเมืองโฮโนลูลูไปยังไคลัว บนเกาะโออาฮู มีหน้าผาสูงชันและจุดชมวิวมากมายตลอดเส้นทาง
โคโลลาโด : ถนน Trail Ridge
ถนน Trail Ridge เป็นหนึ่งในเส้นทางที่สวยที่สุดในบรรดาเส้นทางที่เราได้ยกตัวอย่างมา ด้วยระยะทาง 17 กิโลเมตรที่อยู่เหนือแนวต้นไม้และภูผา ท่ามกลางทิวทัศน์ของทะเลสาบ Grand Lakeและถ้าโชคดี คุณอาจจะได้เจอกับแกะบิ๊กฮอร์นด้วยก็ได้
อลาสก้า : ทางหลวง Seward
ถนนเส้นนี้ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อเดินทางระหว่างเมือง Anchorage กับเมือง Seward ซึ่งเป็นชุมชนริมทะเลขนาดเล็ก คุณจะได้เห็นเทือกเขา Chugach Mountains และชายฝั่งอันงดงามในระหว่างทางที่แล่นไปบนถนนสายนี้
เห็นแล้วอยากจะออกไปสูดอากาศเย็นๆ ของปลายฤดูใบไม้ร่วง และอ้อมกอดของขุนเขากันบ้างมั้ย? มันคงจะสดชื่นและเติมพลังชีวิตได้มากเลยละเนอะ
ที่มา : www.businessinsider.com