อีกหนึ่งปัญหาที่เหล่านักเดินทางมักจะเจอกันบ่อยๆ นั่นก็คือกระเป๋าเดินทางหาย อาจจะถูกสลับสับเปลี่ยนเนื่องจากความเข้าใจผิด หรือจะด้วยความผิดพลาดของทางสายการบินเองก็แล้วแต่ อย่างไรก็ตามเราก็ควรที่จะมีการป้องกันไว้ด้วย ซึ่งในบทความนี้ผมก็มีคำแนะนำทั้งหมด 9 ข้อมาฝากเพื่อนๆทุกคนกันครับ
1.เลือกกระเป๋าเดินทางที่มีลวดลายสีสันโดดเด่น
การเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีลักษณะ สีสัน หรือลวดลายดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร จะช่วยให้สามารถแยกกระเป๋าของเราออกจากกระเป๋าเดินทางของคนอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ความโดดเด่นของกระเป๋าจะช่วยป้องกันไม่ให้มีใครหยิบผิดไปและป้องกันขโมยได้อีกด้วย
2.ใช้สายรัดกระเป๋าที่มีสีสดสะดุดตา หรือติดสติ๊กเกอร์แบบไม่เหมือนใคร
หากกระเป๋าเดินทางที่ใช้อยู่ไม่ได้มีสีสันสดใสหรือลวดลายโดดเด่น ให้ใช้สายรัดกระเป๋าสีสดๆ รัดกระเป๋าเอาไว้ ใช้ผ้าผูกตรงที่จับ หรือติดสติ๊กเกอร์เยอะๆ ให้ดูแตกต่าง นอกจากนี้อาจใช้เทปพันสายไฟสีนีออนซึ่งมีทั้งความสะดุดตาและความเหนียวหนึบ รับรองว่าไม่เหมือนใครและไม่หลุดง่ายๆ แน่นอน
3.แท็กกระเป๋าคือสิ่งสำคัญ
กระเป๋าทุกใบควรติดแท็กระบุชื่อ และช่องทางการติดต่อไว้ เมื่อกระเป๋าถูกหยิบผิดไป หรือเกิดการดีเลย์ ลืมไว้ที่ไหน จะทำให้สามารถตามหากระเป๋าได้ง่ายขึ้น รวมถึงผู้ที่เจอกระเป๋าก็จะสามารถติดต่อหาเจ้าของกระเป๋าได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
4.เลือกกระเป๋าเดินทางที่มีระบบ TSA Lock หรือใช้กุญแจล็อก
กระเป๋าเดินทางหลายรุ่นมีระบบล็อกแบบ TSA Lock ซึ่งเป็นการล็อกด้วยรหัส เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันไม่ให้ใครก็ตามเปิดกระเป๋าของเราได้ แต่หากกระเป๋าเดินทางที่ใช้อยู่ไม่มีตัวล็อก ก็สามารถหาซื้อตัวล็อกกุญแจมาล็อกป้องกันได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ควรมีขนาดใหญ่หรือสะดุดตามมากจนเกินไป เนื่องจากจะล่อตาล่อใจเหล่ามิจฉาชีพซึ่งอาจคาดเดาไปว่าของในกระเป๋าน่าจะมีมูลค่ามากมาย และเสี่ยงต่อการถูกขโมยได้
5.ใส่เอกสารรายละเอียดการเดินทางต่างๆ รวมถึงข้อมูลติดต่อลงไปในกระเป๋าด้วย
เมื่อกระเป๋าเกิดการดีเลย์หรือสูญหาย แท็กกระเป๋าที่เราผูกไว้อาจหลุดไปด้วยสาเหตุใดๆ ทำให้สายการบินต้องตรวจเช็คภายในกระเป๋า ดังนั้นการใส่เอกสารรายละเอียดการเดินทางและข้อมูลติดต่อไว้ในกระเป๋า จะช่วยให้ผู้ที่พบเจอตามหาเจ้าของกระเป๋าได้รวดเร็วขึ้น
6.ป้องกันขั้นสุดยอด ด้วยจีพีเอสแทร็กเกอร์ ใส่ติดกระเป๋าไว้ไม่ต้องกลัวหาย
อีกหนึ่งวิธีสำหรับใครที่กลัวกระเป๋าหาย คือใช้จีพีเอสแทร็กเกอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับช่วยค้นหาของหาย ไม่ว่าจะเป็นกุญแจต่างๆ กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ และรวมถึงใช้กับการเป๋าเดินทางได้เช่นกัน ลักษณะของจีพีเอสแทร็กเกอร์จะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ สามารถคล้องพวงกุญแจหรือวางไว้ในกระเป๋า การทำงานของจีพีเอสแทร็กเกอร์คือเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ดังนั้นไม่ว่ากระเป๋าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเปิดแอปพลิเคชั่นค้นหาได้ทันที
7. ถ่ายรูปกระเป๋าทั้งภายนอกและสิ่งของที่ใส่ด้านในก่อนออกเดินทาง
การถ่ายรูปกระเป๋าเพื่อให้เห็นลักษณะภายนอก และสิ่งของที่เราจัดใส่ไว้ด้านในกระเป๋า เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำไว้ เพราะเมื่อกระเป๋าดีเลย์หรือสูญหาย เราสามารถส่งรูปให้สายการบินไปตรวจเช็คและตามหากระเป๋าได้ง่ายมากขึ้น
8.ดึงแท็กกระเป๋าของไฟล์ทเดิมออกให้หมด และเช็คแท็กกระเป๋าทุกครั้งที่เช็คอิน
อย่าลืมดึงแท็กกระเป๋าของสายการบินที่ขึ้นก่อนหน้าออกให้หมด เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้เมื่อเช็คอินโหลดกระเป๋าแล้ว อย่าลืมเช็คแท็กกระเป๋าว่ามีจำนวนเท่ากับกระเป๋าที่โหลดหรือไม่ เช็คข้อมูลต่างๆ บนแท็ก เพื่อให้แน่ใจว่ากระเป๋าจะถูกส่งไปจุดหมายปลายทางเดียวกัน และควรเก็บแท็กนั้นไว้ให้ดีจนกว่าจะได้รับกระเป๋าครบทุกใบแล้ว
9.ไปรับกระเป๋าสัมภาระที่สายพานแต่เนิ่นๆ
หลังจากลงจากเครื่องแล้ว ให้ไปสายพานรับกระเป๋าแต่เนิ่นๆ เพื่อรับกระเป๋าก่อน ป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพมีช่องทางตีเนียนหยิบไป เพราะบางสนามบินไม่ได้มีการตรวจเช็คแท็กระเป๋าของผู้ที่หยิบไปว่าเป็นเจ้าของกระเป๋าใบนั้นจริงๆ หรือไม่
ข้อมูลจาก: Truelife