… ตอนนี้ก็เราก็ได้ก้าวข้ามผ่านมาสู่ปี 2014 กันแล้วนะครับ วันนี้ทาง WeGoInter.com เลยอยากจะมานำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับทางด้านสุขภาพ ที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร TIME มาทั้งหมด 8 อันดับด้วยกันครับ
หากพูดเรื่องเรื่องสุขภาพแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงให้ความสำคัญกับมันเป็นพิเศษ (ก็เรามีแค่ชีวิตเดียว ก็ต้องดูแลให้ดีสิครับ)… ว่าแต่เรื่องราวที่เค้านำมาเปิดเผยจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง มาติดตามชมไปพร้อมๆกันเลย!
อันดับ 8 – สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ ประกาศห้ามใช้ไขมันทรานส์ปรุงอาหาร
เมื่อต้นเดือนพฤศจิกา ทาง FDA เสนอรัฐบาลให้ออกกฎหมายสั่งห้ามให้ใช้ไขมันทรานส์ปรุงอาหารในประเทศโดยเด็ดขาด เพราะไขมันทรานส์จะทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและโรคร้ายชนิดอื่นๆ อีก
“ไขมันทรานส์” คือน้ำมันที่เกิดจากการเติมไฮโดรเจนลงไปในน้ำมันพืช ที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวให้น้ำมันพืชแข็งตัวและกลายเป็นไขมันอิ่มตัวสูง อาทิ เช่น เนยเทียม มาการีน เนยแข็ง แต่ไขมันทรานส์ก็ยังมีข้อดีอยู่คือ มันไม่มีกลิ่นหืน เก็บได้นาน จึงนิยมใช้ในอาหารสำเร็จรูป
อย่างไรก็ตาม ไขมันทรานส์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลออกกฎหมายห้ามใช้ไขมันทรานส์ปรุงอาหารภายในประเทศอีกต่อไป หากใครยังใช้ไขมันชนิดนี้ในการปรุงอาหาร จะถือว่ากระทำผิดกฎหมายทันที
อันดับ 7 – กำเนิดเฟรนช์ฟรายชนิดใหม่ ไขมันต่ำ แต่อร่อยล้ำเหมือนเดิม
เบอร์เกอร์คิง ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ได้คิดค้นเฟรนช์ฟรายสูตรใหม่ที่มีไขมันต่ำกว่าแบบปกติถึง 40% และให้แคลอรีน้อยกว่าถึง 30% โดยเรียกว่าเฟรนช์ฟรายแบบใหม่ว่า Satisfries
เคล็ดลับที่ทำให้ Satisfries เป็นอาหารที่มีผลด้านลบน้อยลงอยุ่ที่วิธีการทอด โดยเจาะรูแทงมันฝรั่นให้พรุนก่อนนำไปทอดแบบ Deep Fry ในน้ำมันพืชคุณภาพดี ทำให้มีไขมันและแคลอรีลดลง แต่ตอนนี้ Satisfries ยังมีจำหน่ายแค่ที่เบอร์เกอร์คิงในสหรัฐอเมริกาที่เดียวเท่านั้น
อันดับ 6 – นักทดลองผลิตช็อกโกแลตเพื่อสุขภาพ
นักวิจัยจากมหาวิทยาลับวาร์วิก (University of Warwick) ในประเทศอังกฤษ ได้ประสบความสำเร็จในการทดลองผลิตช็อกโกแลตที่มีไขมันต่ำกว่าช็อกโกแลตทั่วไปถึง 50% โดยทดแทนไขมันด้วยน้ำผลไม้ วิตามินซี น้ำ และเครื่องดื่มไดเอต
กรรมวิธีการผลิตช็อกโกแลตรูปแบบนี้ เรียกว่า Pickering Emulasion หรือการผสมของเหลวให้เป็นเนื้อเดียวกัน ขั้นตอนในการผลิตคือ จะใช้ส่วนผสมของน้ำผลไม้มาแทนผงโกโก้ นม และเนย เพื่อลดปริมาณไขมันในช็อกโกแลต ในเรื่องรสชาติของช็อกโกแลตก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้รักษารสชาติของช็อกโกแลตได้เหมือนเดิมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
อันดับ 5 – อาหารหมดอายุอย่าเพิ่งทิ้ง เพราะยังกินได้
NRDC (Natural Resources Defense Council) สถาบันกฎหมายด้านอาหารฮาร์วาร์ด (Harvard Law School’s Food Law) และ Policy Clinic ได้ออกมาเปิดเผยว่าอาหารที่หมดอายุแล้ว จริงๆ ยังกินได้ ชาวอเมริกันกว่า 90% ทิ้งอาหารก่อนวันหมดอายุ และ 40% ทิ้งอาหารโดยที่ยังไม่ได้กินเลยสักนิด ด้วยเพราะเกิดจากตัวเลขวันเดือนปีที่หมดอายุที่อยู่ผลผลิตภัณฑ์
เหล่านักวิจัยเผยข้อมูลว่าถึงแม้ว่าจะเลยวันหมดอายุที่ระบุไว้บนผลิตภัณฑ์ก็ยังสามารถกินได้ เพียงแต่ความอร่อยจะลดลง เพราะตัวเลขที่ระบุไว้ เป็นเพียงช่วงเวลาที่อาหารจะอร่อยที่สุดเท่านั้นเอง
อันดับ 4 – วิจัยชี้ หญิงมีครรภ์กินปลาได้ ไม่เสี่ยงสารปรอท
ทางมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) ได้ออกมาคัดค้านความเชื่อที่ว่าหญิงมีครรภ์ห้ามกินปลาน้ำจืดทุกชนิด เพราะปลาน้ำจืดมีสารปรอทปนเปื้อนอยู่มาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาหารประเภทปลามีสารปรอทเพียง 7% เท่านั้น ไม่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อคุณแม่และลูกน้อย หรือแทนที่จะหลีกเลี่ยงการกินปลา ควรเปลี่ยนไปทานปลาทูน่าที่มีปรอทต่ำจะดีกว่า
อันดับ 3 – วิตามินและอาหารเสริม ไม่ได้ช่วยรักษาโรคเรื้อรัง
คนไข้ที่เป็นโรคร้ายทุกคนต่างต้องการหลุดพ้นจากโรคที่เป็นทั้งนั้น จึงได้หาวิตามินและอาหารเสริมมาทานเพราะเชื่อว่ามันจะช่วยให้หายเร็วขึ้น แต่ในความเป้นจริงแล้ว อาหารเสริมเหล่านั้นไม่ได้ช่วยรักษาโรคแม้แต่น้อย
จากผลการศึกษาของ The U.S. Preventive Services Task Force พบว่า อาหารเสริมทั้งวิตามินหรือเกลือแร่นั้น ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยบรรเทาอาการโรคร้ายต่างๆ ได้เลย และเมื่อเจอกับสารเบต้าแคโรทีนที่พบในมะเขือเทศและแครอทแล้ว จะทำให้วิตามินเหล่านั้นสลายไปในทันที รวมถึงน้ำมันตับปลาที่ยังไม่มีการพิสูจน์ที่แน่ชัดว่ามีประโยชน์กับสมองมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีที่สุดยังคงเป็นการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์ปราศจากโรคร้ายมากกว่า
อันดับ 2 – ข้อกำหนดเรื่องฉลากบอกจำนวนแคลอรีในอาหาร
ประธานาธิบดีโอบามาได้เสนอกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิของชาวอเมริกัน เรียกกันสั้นๆ ว่า “โอบามาแคร์” โดยขอร้องแกมบังคับให้ร้านอาหารทุกร้านในอเมริกา แสดงแคลอรีของอาหารแต่ละอย่างให้ชัดเจน โดยมีร้านกาแฟชื่อดังอย่าง “สตาร์บัค” เริ่มนำร่อง
ด้วยตัวเลขแคลอรีที่แสดงอย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภครู้ได้ถึงพลังงานที่ตนเองได้รับในแต่ละวัน นับเป็นหนึ่งในวิธีการควบคุมอาหาร ที่จะทำให้ชาวอเมริกันลดการทานอาหารขยะมากขึ้นอีกด้วย
อันดับ 1 – ออกกำลังกายมากขึ้น ลดการใช้ยาน้อยลง
The Annals of Internal Medicine ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ พบว่า การออกกำลังกายจะช่วยบรรเทาโรคและลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อนอีกด้วย แม้การรับประทานยาจะช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หากออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย จะช่วยฟื้นฟูร่างกายและบรรเทาโรคได้มากกว่า
เป็นไงบ้างครับ เรื่องราวที่เรานำมาเสนอนี้ ทางเราคิดว่าค่อนข้างน่าสนใจและมีประโยชน์กับใครหลายคนเลยทีเดียว.. ยังไงก็ฝากไว้ด้วยนะครับกับการดูแลรักษาสุขภาพเพราะเป็นสิ่งจำเป็น แล้วกลับมาพบกันใหม่คราวหน้ากับข่าวอัพเดทต่างๆรอบโลกจากทาง WeGoInter.com… สวัสดีครับ
