หลายคนถามเข้ามาทางเฟซบุ๊คนะ ว่าระบบการเปิดภาคเรียนที่สหรัฐอเมริกา เหมือนกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยรึปล่าว? อันนี้ต้องขอตอบเลยว่าไม่เหมือนจ้า
เพราะในไทยจะเปิดเรียนเดือนมิถุนายน และอีกเทอมคือเดือนพฤศจิกายน กับช่วงซัมเมอร์ในเดือนมีนาคม แต่ของต่างประเทศ จะใช้แบบสากลซึ่งต่างกันออกไป
ทีนี้ในสหรัฐอเมริกา เท่าที่เห็นจะมีการเปิดปิดเทอมอยู่ 4 แบบที่ใช้กันอยู่ วันนี้ WeGoInter เลยจะมาแนะนำเป็นความรู้กันจ้า
ระบบเปิดเทอมแบบ Semester
ระบบนี้นิยมใช้กันมากที่สุด จะแบ่งการภาคการศึกษาออกเป็น 2 Semester หรือ 2 เทอมเหมือนบ้านเรา และอาจจะมีภาค Summer อีก 1 ภาค หลังจากปิดการศึกษาแบบปกติไปแล้ว ประกอบไปด้วย
Fall Semester ตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงเดือนธันวาคม (จากนั้นก็ปิดช่วงคริสมาสต์ ปีใหม่ และฤดูหนาว)
Spring Semester ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนพฤษภาคม
Summer Session ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม (ช่วงฤดูร้อนของที่นู่นคือช่วงนี้จ้า)
ระบบเปิดเทอมแบบ Quarter
จะแบ่งการศึกษาออกเป็น 4 เทอมเท่าๆกัน โดยแต่ละเทอมจะเรียนอยู่ประมาณ 11-12 สัปดาห์ เรียกว่าเกือบ 3 เดือน วนไปจนครบปีเลยล่ะ
Fall Quarter ตั้งแต่กลางเดือนกันยายน ถึงเดือนธันวาคม
Winter Quarter ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงกลางเดือนมีนาคม
Spring Quarter ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ถึงกลางเดือนมิถุนายน
Summer Quarter ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม
ระบบเปิดเทอมแบบ Trimester
ระบบนี้ใช้ไม่ค่อยแพร่หลายเหมือน 2 ระบบข้างบนนะ โดยจะแบ่งการเปิดเทอมออกเป็นเทอมละประมาณ 15 สัปดาห์ เป็นเวลา 3 เทอมต่อปี สถาบันดังๆที่ใช้ระบบนี้ก็เช่นที่ University of Michigan นั่นเอง
ระบบเปิดเทอมแบบ 4-1-4
ระบบนี้ก็พบเห็นได้น้อยมาก อาจจะเปิดในบางหลักสูตรหรือบางคณะ ของบางมหาวิทยาลัย โดยจะเปิดเรียนเป็นเวลาประมาณ 4 เดือน 2 เทอม พร้อมกับช่วงฝึกงานอีก 1 เดือน ปกติจะอยู่ในเดือนมกราคม
สถาบันที่ใช้ระบบนี้ก็เช่น Massachusetts Institute of Technology และ Johns Hopkins University
ตอนนี้น้องๆก็คงจะรู้กันมากขึ้นแล้วนะ ว่าระบบการเปิดเทอมปิดเทอมของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกานั้นจะเริ่มเปิดเรียนกันตอนไหนบ้าง
ปกติแล้วคนที่จบจากไทย จะจบในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งก็สามารถทำเรื่องสมัครเข้าเรียนต่อสถาบันในสหรัฐอเมริกา ได้ทันก่อนเดือนกันยายน
แต่ถ้าใครทำไม่ทัน!! ก็ยังสามารถเข้าเรียนในเทอมเดือนมกราคมได้ด้วย เพราะสถาบันในอเมริกาจะรับนักศึกษาใหม่ทั้งสองเทอม เป็นข้อดีตรงนี้แหละ
สุดท้ายก่อนจากกันไป ใครที่อยากจะหาข้อมูลเรียนต่อในต่างแดน ก็สามารถติดตามเรื่องราวดีๆแบบนี้จากทาง WeGoInter.com หรือจะกดไลค์ในเฟซบุ๊ค เพื่ออัพเดทก่อนใครได้เลยจ้า ^^