หนึ่งในสถานที่ที่มีความซับซ้อน ผู้คนมากมาย และชวนให้รู้สึกมึนงงหลงทางอยู่เสมอคือสถานีรถไฟในประเทศญี่ปุ่น ด้วยทางออกและชานชาลาที่มากมาย ที่แม้จะมีป้ายบอกทางอย่างชัดเจน แต่ก็เป็นเรื่องง่ายมากที่คุณจะหายไปในเขาวงกตของสถานีรถไฟในเมืองใหญ่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนหรือคุณต้องลากกระเป๋าเดินไปตามทางที่ไม่คุ้นเคย…
สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถค้นหาเส้นทางที่ถูกต้องเพื่อไปยังปลายทางได้โดยทันเวลา คือการใช้อินเทอร์เน็ตเปิดหาเส้นทาง แต่ถ้าคุณไม่ได้เตรียมเปิดโรมมิงหรือสมัครแพคเกจอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศเอาไว้ล่ะก็
อย่าพึ่งกังวล เรามีจุดบริการ Wi-Fi ฟรีในสถานีรถไฟ Shinjuku และ Shibuya ซึ่งเป็นสถานียอดนิยมใจกลางกรุงโตเกียวมาแนะนำให้ลองใช้!!
ค้นหาจุดให้บริการ Wi-Fi ฟรีที่สถานี Shinjuku
Shinjuku มีสถานีรถไฟมากกว่า 10 แห่ง ทำให้เป็นสถานีรถไฟที่ซับซ้อนที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการหาจุด Wi-Fi ในสถานีรถไฟคือการใช้แอปพลิเคชันข้อมูลรถไฟ JR-EAST ซึ่งจะช่วยในการหาตำแหน่งของจุดบริการ Wi-Fi ซึ่งแสดงผ่านแผนที่
ไม่เพียงแต่แสดงจุดให้บริการ Wi-Fi แต่ยังรวมถึงตำแหน่งของห้องน้ำ ลิฟท์ และตู้เก็บของหยอดเหรียญเพื่อความสะดวกในการฝากกระเป๋าเดินทาง
นอกจากนี้ยังแสดงตำแหน่งของเครื่องเอทีเอ็ม บริการบัตรเงินสดระหว่างประเทศ เคาน์เตอร์เช่ารถ เคาน์เตอร์แลกเงินตราต่างประเทศ และร้านสะดวกซื้อ ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเพียงแค่ใช้แอพลิเคชันนี้
ค้นหาจุดให้บริการ Wi-Fi ที่สถานี Shibuya
เช่นเดียวกับสถานี Shinjuku สถานี Shibuya ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายของเหล่านักเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ที่นี่เป็นสถานีหญ่ที่มีความซับซ้อน ทำให้ง่ายต่อความสับสน
ในกรณีนี้ให้หาจุด Wi-Fi ฟรีโดยใช้ JR-EAST Train Info app ก่อน จากนั้นคุณสามารถมุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมด้วยความช่วยเหลือของแอพลิเคชั่นได้ง่ายๆ !!
ฟังก์ชั่นอื่นๆ ของแอพลิเคชัน JR-EAST Train Info App
Asakusa, Ginza, Ebisu, Ikebukuro – นี่เป็นเพียงอีกตัวอย่างหนึ่งของจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายในโตเกียว เมื่อต้องการเดินทางไปยังสถานที่เหล่านี้ คุณสามารถค้นหาเส้นทางได้โดยใช้ฟังก์ชันของแอพ JR-EAST Train Info App
แอพลิเคชัน Train Info ของ JR-EAST ที่นอกจากจะสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ยังช่วยในการหาจุด Wi-Fi (JR-EAST ฟรี Wi-Fi) และจุดชมวิว
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นที่สะดวกอื่นๆ อีกด้วย ตัวอย่างเช่นคุณสามารถดูการพยากรณ์อากาศ ตรวจสอบความล่าช้าของรถไฟรวมถึงชินคันเซ็นหรือรถไฟอื่นๆ และซื้อตั๋ว (เลือกภาษาอังกฤษได้)
ที่สำคัญก็คือ เมื่อคุณกำหนดปลายทางไว้ขณะที่มีอินเทอร์เน็ต คุณสามารถใช้งานในโหมดออฟไลน์ ซึ่งหมายความว่าจะยังแสดงแผนที่การเดินทางได้แม้ไร้อินเทอร์เน็ตก็ตาม
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเดินทางได้อย่างไร้กังวลแล้ว!!
ที่มา : jpninfo.com