City, Town, และ Village สามคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกันอยู่นะ แต่หลายคนมักสับสนในบางครา มาดูกันว่าจะมีวิธีการแยกให้หายงงอย่างไร เพื่อจะได้ไม่นำไปใช้งานสับสนอีก
1. Village
Village มาจากคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศส หมายถึง กลุ่มของอาคาร คือหมู่บ้านชุมชนเล็กๆ ในชนบท นอกจากนี้ Village ยังสามารถอ้างถึงชาวบ้าน และนำไปประยุกต์ใช้กับกลุ่มของที่อยู่อาศัยของสัตว์ได้
ตัวอย่าง The books transported her into new worlds and introduced her to amazing people who lived exciting lives. . . She travelled all over the world while sitting in her little room in an English village.
หนังสือพาเธอเข้าไปในโลกใหม่ และแนะนำให้รู้จักกับบุคคลสุดอัศจรรย์ผู้ที่มีชีวิตที่น่าตื่นเต้น เธอเดินทางไปทั่วโลกขณะนั่งอยู่ในห้องเล็กๆ ของเธอในหมู่บ้านที่อังกฤษ
2. Town
Town มาจากคำภาษาอังกฤษแบบเก่าที่อ้างถึงสถานที่ที่มีกำแพง ล้อมรั้ว เช่น ฟาร์ม หมู่บ้าน หรือลานหน้าบาน ส่วนคำใหม่หมายถึงพื้นที่ที่มีประชากรอาศัย เขตแดนที่คงที่ และมีรัฐบาลท้องถิ่น คำว่า Town จะใหญ่กว่า Villages แต่เล็กกว่า City
ตัวอย่าง Home wasn’t a set house, or a single town on a map. It was wherever the people who loved you were, whenever you were together.
บ้านไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่ตั้งขึ้นมา หรีอตัวเมืองเดียวในแผนที่ แต่เป็นที่ทุกคนที่รักคุณอาศัยอยู่ด้วยกัน
3. City
City มาจากคำภาษาฝรั่งเศสหมายถึงพลเมือง เป็นเมืองใหญ่และมีความสำคัญ ในสหรัฐอเมริกาเมืองเป็นเขตเทศบาลรวมเข้ากับรัฐบาลท้องถิ่น เช่นเดียวกับคำว่า village และ town ที่ city สามารถหมายถึงผู้อยู่อาศัยได้ด้วย
ตัวอย่าง It’s like watching Paris from an express caboose heading in the opposite direction—every second the city gets smaller and smaller, only you feel it’s really you getting smaller and smaller and lonelier and lonelier, rushing away from all those lights and excitement at about a million miles an hour.
มันเหมือนกับการดูปารีสจากตู้รถไฟที่มุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้าม ทุกๆ วินาทีเมืองจะเล็กลงๆ คุณเองก็รู้สึกว่าคุณเล็กลง เหงา โดดเดี่ยว เหินห่างไปจากแสงไฟ และความตื่นเต้นทั้งมวลจากล้านไมล์ต่อชั่วโมง
ที่มา www.grammarly.com