ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศยอดฮิตสำหรับการศึกษาต่อมากที่สุดในโลก โดยมีนักเรียนต่างชาติกว่า 480,000 คน ( ณ มีนาคม 2017 ) และเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน ฟังแบบนี้คุณอาจคิดว่าเพราะค่าครองชีพและเงินที่ต้องจ่ายถูกกว่าที่อื่นๆ คนถึงนิยมไปกัน? แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย!!
โดยเฉลี่ย นักเรียนหนึ่งคนต้องเตรียมเงินราวๆ AU$ 19,830 (ประมาณ 500,000 บาท) ต่อปีสำหรับค่าครองชีพตามข้อกำหนดในการขอวีซ่านักเรียน
ในขณะที่ค่าเล่าเรียนจะขึ้นอยู่กับเมืองที่เลือกอยู่อาศัย คณะ และหลักสูตรที่เลือกศึกษา ซึ่งจะแบ่งออกเป็นประเภทต่อไปนี้
ค่าเล่าเรียนและค่าลงทะเบียนสำหรับนักศึกษาต่างชาติ
ข้อมูลจากเว็บไซต์ StudyMove.com ในปี 2017 เผยว่า ค่าเล่าเรียนเฉลี่ยสำหรับนักศึกษาต่างชาติแต่ละระดับอยู่ที่
– ปริญญาตรี : AU$ 29,235 ต่อปี (ประมาณ 737,000 บาท)
– ปริญญาโท : AU$ 20,000 – 37,000 (ประมาณ 500,000 – 933,000 บาท)
– ปริญญาเอก : AU$ 14,000 – 37,000 (ประมาณ 350,000 – 933,000 บาท)
ตัวเลขเหล่านี้ยังไม่รวมถึงหลักสูตรที่มีค่าเล่าเรียนสูง เช่น สัตวแพทย์หรือสาขาทางการแพทย์ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ค่าเล่าเรียนในแต่ละระดับไม่ได้คำนวนด้วยหน่วยต่อปีทั้งหมด แต่ละหน่วยขึ้นอยู่กับวงเงินค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไป
นอกจากนี้ค่าเล่าเรียนในแต่ละมหาวิทยาลัยยังต่างกันอีกด้วย เช่น
มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University – ANU) ซึ่งเป็นสถาบันที่มีอันดับสูงสุดของประเทศ (อันดับที่ 20 ใน QS World University Rankings® 2018)
ระดับปริญญาตรี
– หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิตมีตั้งแต่ค่าธรรมเนียม AU$ 32,640 (ประมาณ บาท) เป็นต้นไป
– ส่วนหลักสูตร วิทยาศาสตร์หรือด้านการแพทย์จะอยู่ที่ตั้งแต่ AU $ 43,632 (ประมาณ 1100 บาท)
ระดับปริญญาโท
– ค่าธรรมเนียมรายปีจะเริ่มต้นที่ AU$ 32,640 – 43,632 (ประมาณ 823,000 – 1.1 ล้านบาท)
ระดับปริญญาเอก
– ส่วนใหญ่แล้วมีราคาใกล้เคียงกันโดยค่าธรรมเนียมจะเริ่มต้นที่ AU$ 39,024 (ประมาณ 984,000 บาท) ในหลักสูตรทั่วไป
– ส่วนในหลักสูตรแพทยศาสตร์และศัลยศาสตร์ จะเริ่มต้นที่ AU$ 72,480 (ประมาณ 1,828,000 บาท)
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าบริการนักศึกษาและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะอยู่ที่ไม่เกิน AU$ 294 (ประมาณ 7,416)
ค่าใช้จ่ายในแต่ละที่อาจจะแตกต่างกันไป ในบางมหาวิทยาลัยอาจไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากส่วนที่เป็นค่าเล่าเรียนทั้งนี้เพื่อความแน่ใจ คุณควรศึกษารายละเอียดของมหาวิทยาลัที่ต้องการจะสมัครเข้าเรียนพร้อมทั้งวางแผนการเงินให้ดีก่อนจะตัดสินใจไปเรียนต่อ
ที่มา : www.topuniversities.com