เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นเป็นดินแดนแห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ทั้งสวยและหลากหลาย ว่ากันตามจริงแล้ว นอกจากแหล่งท่องเที่ยวบอดฮิตอย่างภูเขาไฟฟูจิ หรือเมืองหิมะฮอกไกโด ที่แดนอาทิตย์อุทัยนี้ยังมีสถานที่สวยๆ หลบซ่อนอยู่ในที่ที่คนทั่วไปไม่รู้อีกมาก
และเมื่อ CNN ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและจัดอันดับสถานที่ที่สวยงามน่าไปเที่ยวชม เราก็เลยนำ 15 อันดับแรกมาให้คุณได้จดลงไปในลิสต์การเดินทางครั้งหน้าที่ไม่ควรพลาด ไปดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง
อุโมงค์ wisteria
อุโมงค์ wisteria ที่สวยราวกับภาพวาดสีน้ำมันเต็มไปด้วยเถาไม้ดอกที่ห้อยตัวลงมา นอกจากนี้ยังมีพืชพันธุ์อีกกว่า150 ชนิดซึ่งจะจัดเป็นเทศกาล Wisteria ประจำปี ในช่วงปลายเดือนเมษายนเมื่อดอกไม้บานเต็มที่
พิกัด : Kawachi Fuji Garden, 2-2-48 Kawachi, Kitakyushu, Fukuoka, Japan; +81 936 52 0334
Hakuba Happo
ที่นี่เป็นที่รู้จักกันในเรื่องของหมู่บ้านแห่งการเล่นสกีช่วงฤดูหนาว และทะเลสาบที่มีผืนน้ำใสแจ๋ว ท่ามกลางภูเขาของจังหวัดนากาโนะซึ่งล้อมรอบด้วยยอดเขา Hakuba Peaks ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,060 เมตร ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เงียบสงบและสามารสะท้อนเงาของขุนเขาได้อย่างชัดเจน
พิกัด : Hakuba Happo-one Nature Study Trail, Hakuba Happo-one Sky Resort, Hakuba, Nagano, Japan; +81 261 72 3066
123 Torii
ประตู 123 Torii จะทอดยาวจากศาลเจ้า Motonosumi-Inari ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องคำอธิษฐานขอความสำเร็จ ไปยังหน้าผาที่สามารถมองเห็นวิวทะเล
เชื่อกันว่าถ้าคุณสามารถโยนเงินเข้าไปในกล่องรับบริจาคได้สำเร็จทุกความต้องการของคุณจะเป็นจริง
พิกัด : Motonosumi-Onari Shrine, 498 Yuyatsuo, Nagato, Yamaguchi, Japan; +81 837 23 1137
น้ำตก Nachi
น้ำตก Nachi มีความสูง 133 เมตร นับว่าเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ Kumano Nachi Taishai
พิกัด : Nachi Falls, Nachikatsuura, Wakayama, Japan
Zao Onsen
Zao Onsen เป็นหนึ่งในรีสอร์ทสกีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือนอกเหนือจากภูเขาที่มีหิมะปกคลุมแล้ว ยังเต็มไปด้วยต้นสนที่ถูกย้อมให้เป็นสีขาวจนมีรูปร่างเหมือนต้นเสาวางเรียงรายอยู่ทั่วลาน จนได้รับฉายาว่า “มอนสเตอร์น้ำแข็ง” หรือ Juhyo ในภาษาญี่ปุ่น
พิกัด : Zao onsen ski resort, Yamagata, Japan; +81 23 694 9328
ภูเขา Tsurumi
สำหรับผู้ที่ไม่ชอบการเดินป่า สามารถนั่งรถเคเบิ้ลที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 101 คนต่อครั้งเพื่อขึ้นไปบนเขา Tsurumiที่มีความสูงถึง 1,375 เมตรภายใน 10 นาที และชื่นชมความงามจากที่สูงได้ รถเคเบิ้ลนี้ จากบนนี้ คุณจะเห็นทิวทัศน์ของ Beppu Mount Yufu และ Kuju Mountain Range ช่วงเวลาที่แนะนำคือฤดูใบไม้ผลิยามเมื่อต้นซากุระบานสะพรั่งทั่วภูเขา
พิกัด : Kintetsu Beppu Ropeway, Oaza Minami Samuhara 10-7, Beppu, Oita, Japan; +81 977 22 2278
ปราสาท Matsumoto
ปราสาท Matsumoto เป็นปราสาทไม้ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นซึ่งถูกสร้างมานานกว่า 400 ปี ในระหว่างการก่อสร้างปราสาทแห่งนี้ได้เป็นเป้าหมายของทหารฝ่ายอริทำให้แทนที่จะเน้นไปยังความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย แต่ปราสาทแห่งนี้กลับถูกออกแบบให้มีรั่วและกำแพงที่แน่นหนาแทน
พิกัด : Matsumoto Castle, 4-1 Marunouchi, Matsumoto, Nagano, Japan; +81 263 32 2902
Shiratani Unsuikyo Gorge
แฟนๆ ของ Hayao Miyazaki คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาป่านี้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ที่ป่า Shiratani Unsuikyo Gorge นี้ยังได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “Princess Mononoke” ของ Studio Ghibli ที่นี่ยังเป็นแหล่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่อยู่บนเกาะ Yakushima ซึ่งยังมีร่องรอยสำคัญตั้งแต่สมัยเอโดะหลงเหลืออยู่อีกด้วย
พิกัด : Shiratani Unsuikyo Gorge, Yakushima Island, Kagoshima, Japan
ภูเขา Hiuchi
ฤดูใบไม้ร่วงบนภูเขา Hiuchi จะถูกย้อมด้วยสีสันที่สวยงามเช่นเดียวกับสีส้ม แดง เหลือง และเขียว องพืชที่ปกคลุมบนผืนน้ำของบึง Koya Pond น้ำตื้นและบึงน้ำปกคลุมด้วยพืชเปลี่ยนสี – เป็นสีแดง, สีส้ม, สีเหลืองและสีเขียว
พิกัด : Kouya Pond, Mt. Hiuchi, Niigata, Japan; +81 255 86 3911
วัด Motsuji
ในวันอาทิตย์ที่สี่ของเดือนพฤษภาคม ทางวัด Motsuji จะเชิญชวนให้คนรักบทกวีมารวมตัวกันที่สวนของวัด ขณะที่พวกเขาเขียนกลอนใส่ในถ้วยและลอยไปตามน้ำเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และในช่วงท้ายของงานจะจบลงด้วยการที่พิธีกรเลือกหยิบบทกวีเหล่านั้นขึ้นมาอ่าน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยครั้งนัก
พิกัด : Motsu-ji Temple, 58 Osawa, Hiraizumi, Iwate, Japan; +81 191 46 2331
สวน Hitachi Seaside Park
“baby blue eyes” กว่า 4 ล้านดอกจะพากันอวดโฉมในช่วงปลายเดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม ที่สวนHitachi Seaside Park สวนสาธารณะในเขต Miharashi Hill Nemophila Harmony ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ถูกย้อมไปด้วยสีฟ้าครามสดใส นอกจากนี้ ที่นี่ยังเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาลต่างๆ เช่นเดียวกับในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะเปลี่ยนจากสีเขียวขุ่นเป็นประกายสีแดง
พิกัด : Hitachi Seaside Park, 605-4 Onuma-aza, Mawatari, Hitachinaka, Ibaraki, Japan; +81 29 265 9001
ป่าไผ่ Sagano
ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในป่าที่สวยที่สุดในโลก ป่าตามธรรมชาติที่แวดล้อมไปด้วยความงดงามที่เงียบสงบให้บรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะยามสายลมพัดผ่านปล้องไผ่ก่อให้เกิดเสียงกังวาลที่ทำให้ป่า Sagano แห่งนี้ถูกรวมไว้ในรายชื่อ “100 ภาพเสียงญี่ปุ่น”
พิกัด : Sagano Bamboo Forest, Arashiyama, Kyoto, Japan
คลอง Otaru
ทุกๆ เดือนกุมภาพันธ์ จะมีแสงเทียนนับร้อยที่ลอยอยู่ในคลอง Otaru ในช่วงเทศกาล Snow Light Path Festival ซึ่งจะจัดทั้งหมด 10 วัน และตลอดช่วงเวลานั้นทั่วทั้งเมืองจะประกับไปด้วยโคมไฟและรูปปั้นหิมะ โกดังสินค้าที่เรียงรายอยู่ข้างคลองก็จะถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้เพลิดเพลินกับเทศกาล
พิกัด : Unga Kaijo, Otaru, Hokaaido, Japan; +81 134 32 4111
ศาลเจ้า Usa
เดิมที ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8 ศาลเจ้า Usaแห่งนี้คือสถานที่สำคัญที่สุดในบรรดาศาลเจ้านับพันที่อุทิศให้แก่ Hachiman พระเจ้าแห่งการยิงธนูและสงคราม ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมืองที่เรียกว่า negiyaki หรือแพนเค้กหอมแดงที่ของขึ้นชื่อของศาลเจ้าแห่งนี้
พิกัด : Usa Shrine, 2859 Minami-Usa, Usa, Oita, Japan; +81 978 37 0001
ภูเขา Daisen
ภูเขา Daisen คือภูเขาไฟที่มีความสูงถึง 1,709 เมตรและได้รับการยกย่องว่าเป็นที่เคารพนับถือของ Jomon และ Yayoi มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะเหตุนั้นทำให้เกิดข้อห้ามการปีนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในสมัยโบราณจนถึงสมัยเอโดะเมื่อประมาณ 200 ปีที่ผ่านมา
พิกัด : Daisen, 40-33, Daisen-cho, Saihaku, Tottori, Japan; +81 859 52 2502
นอกจากทั้ง 15 สถานที่นี้แล้วญี่ปุ่นยังมีความงดงามที่ซ่อนตัวอยู่อีกหลายแห่งรอให้คุณไปสัมผัส จะไปกับครอบครัว เพื่อน คนรู้ใจ หรือจะลุยไปเดี่ยวๆ ยังไงก็สนุก เพราะงั้น เริ่มจัดกระเป๋าแล้วไปตะลุยแดนปลาดิบกันดีกว่า!!
ที่มา : edition.cnn.com