Bern เป็นเมืองในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก นอกจากนี้หากอ้างอิงจาก Legatum Institute ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีสุขภาพดีที่สุดในโลก และมีอัตราการเกิดอาชญากรรมน้อยที่สุดในโลกอีกด้วย
Rebecca Griffiths หญิงสาวที่เคยทำงานเป็นผู้จัดการให้กับมูลนิธิโรคหลอดเลือดหัวใจ NHS Foundation Trust ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเธอต้องย้ายมาทำงานที่เมือง Bern เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการดูแลสุขภาพของที่นี่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Hope Exchange programme นั่นเอง
ซึ่งหลังจากที่เธอได้ย้ายมาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นเวลาได้หนึ่งเดือน เธอก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสองประเทศในหลายๆด้าน
ความแตกต่างใหญ่ๆเลยนั่นก็คือ วิวทัศน์ของ Bern นั้นมันช่างน่าทึ่งสำหรับเธอเสียเหลือเกิน
“บริเวณใจกลางเมือง Bern นั่นช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ แม่น้ำสวยงามมากๆ ใสมากจนคุณสามารถดื่มมันได้ แต่ผู้คนก็จะว่ายน้ำที่แม่น้ำแห่งนี้ในหน้าร้อน” เธอกล่าว
ทิวทัศน์ที่มองเห็นได้จากอพาร์ตเม้นท์ของเธอก็สวยงามสุดๆ มองดูแล้วรู้สึกสงบใจจริงๆ
ผู้คนก็ไม่แออัดเหมือนลอนดอน ขนส่งสาธารณะก็ดีมากๆ ถ้ารถไฟหรือรถบัสไม่มาตรงเวลาแล้วละก็ นั่นหมายความว่ามันมาถึงก่อน
เราสามารถไปทั่วทั้งเมืองได้ด้วยการเดินเท้า
Bern เป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง ราวกับเวลาเวลาที่เมืองแห่งนี้มันหมุนช้ากว่าที่อื่นๆยังไงยังงั้นเลย
นอกจากอากาศจะผ่อนคลายแล้ว ที่เมืองแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางไปสู้เมืองต่างๆรอบข้างได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Zurich, Luzern, Biel, Basil หรือผู้เขาที่รายล้อมรอบด้าน
ชีวิตกลางคืนก็ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่คิด มีร้านรวงรวมไปถึงบาร์ให้นั่ง สำหรับมนุษย์กลางคืนทั้งหลาย
เธอบอกว่าประสบการณ์หนึ่งที่วิเศษสำหรับเธอ คือมื้อเย็นอันแสนวิเศษ ทานคู่กับเบียร์หรือไวน์ชั้นยอด
ในช่วงระหว่างสัปดาห์ ตัวเมืองค่อนข้างเงียบสงบ โดยเฉพาะในวันที่สภาพอากาศเลวร้าย
แต่ในวันพฤหัสบดีจะคึกคักเป็นพิเศษเนื่องจากมีตลาดช่วงค่ำ และก็มักจะมีวัยรุ่นฮิปฮอปมาโชว์เปิดหมวกกันเป็นประจำในวันนี้
นอกจากนี้ความงดงามทางด้านประวัติศาสตร์ก็มีอยู่ไม่น้อยเลย ยกตัวอย่างเช่น Einstein Museum แห่งนี้
สวนสาธารณะก็เต็มไปด้วยหมีอีกต่างหาก!
นอกจากนี้ก็มีอาหารน่ากินเต็มไปหมด ซึ่งเธอได้แนะนำร้าน Bistro Steinhalle และ Beaulieu ห้ามพลาดเลยหากได้มาเยือนเมืองแห่งนี้
อย่างไรก็ตามยังมีข้อเสียอยู่บ้างสำหรับเมืองแห่งนี้ อย่างแรกเลยก็คือ ข้าวของต่างๆ อาหารการกิน ค่าใช้จ่ายแพงกว่าลอนดอนพอสมควร แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาสำหรับคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ เนื่องจากรายรับก็มากกว่าลอนดอนเช่นกัน
ข้อเสียอย่างที่สองคือ ถ้าไม่อยากตื่นตี 5 ทุกเช้า อย่าพักอยู่ใกล้โบสถ์เด็ดขาด เพราะนาฬิกาโบสถ์จะดังทุกๆ 15 นาทีไปนานพอสมควรเลยหล่ะ
ข้อเสียข้อที่สามอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับคนอื่นสักเท่าไหร่ แต่เป็นปัญหาสำหรัเธออสมควร เพราะเธอเป็นคนที่ชอบอาหารอินเดียมาก แต่ว่าที่เมืองแห่งนี้ค่อนข้างหารับประทานได้ยาก แต่ก็ยังมีร้านที่ขายอาหารอินเดียอยู่บ้าง แต่ครั้นจะทำเองที่บ้านก็ลำบากอีก เนื่องจากเครื่องปรุงอาหารอินเดียแพงมากๆ
อย่างสุดท้ายเลยที่เธอไม่ชอบนั่นก็คือ รูปปั้นตัวกินเด็กที่ตั้งอยู่ใกล้ Zytglogge tower นี่เอง
ข้อมูลจาก: businessinsider