ถึงเวลาแล้วที่คอนเซ็ปต์ความสวยงามจะต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อชาวอเมริกันโดยเฉพาะเหล่าหญิงสาว เริ่มหันมานิยมหุ่นสวยตามธรรมชาติและความสมบูรณ์ของสุขภาพ โดยการกินอาหารที่มีสารอาหารครบและปราศจากสารปรุงแต่ง แทนที่จะมีรูปร่างผอมบางเหมือนนางแบบนิตยสารด้วยการไดเอ็ต
ความเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้ต้องปรับแผนการโฆษณาและไลน์อัพสินค้า ให้สอดคล้องกับเทรนด์ใหม่ที่เน้นให้ความสำคัญกับรูปร่างตามธรรมชาติ ซึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มที่เกี่ยวกับการลดหุ่น
โดยผลสำรวจของสำนักวิจัย Mintel ที่สอบถามผู้บริโภค 2,000 คน ระบุว่า 94% ไม่สนใจการไดเอ็ตอีกแล้ว นอกจากนี้มุมมองของผู้บริโภคต่ออาหารไดเอ็ตยังเปลี่ยนไป อาทิ 77% กล่าวว่าอาหารไดเอ็ตไม่ดีต่อสุขภาพอย่างที่โฆษณา และ 61% แสดงความเห็นว่าอาหารไดเอ็ตไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อสุขภาพ
ขณะเดียวกันยอดขาย Lean Cuisine แบรนด์อาหารไดเอ็ตของเนสท์เล่ ที่ลดลงถึง 15% ช่วงระหว่างปี 2014-2015 จนแบรนด์ต้องรีบปรับทิศทางมาชูเรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าจำนวนแคลอรี สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เป็นอย่างดี
ในขณะเดียวกันแบรนด์แฟชั่นต่างเริ่มปรับตัว โดยมีทั้งการนำนางแบบไซซ์ใหญ่ หรือการใช้รูปนาง-นายแบบที่ไม่ผ่านการตกแต่งในสื่อโฆษณา เช่น Aerie แบรนด์แฟชั่นในเครืออเมริกันอีเกิลที่ลอนช์แคมเปญ Aerie Real ซึ่งใช้ภาพนางแบบที่ไม่ผ่านการตกแต่ง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้บริโภค จนยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 21% และคาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 2 เท่าอีก 1-2 ปี
ล่าสุดแม้แต่ Mattel ผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้ยังต้องยอมปรับโฉมตุ๊กตาดังเป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปี โดยจะสะท้อนลักษณะรูปร่างตามความเป็นจริงมากขึ้นพร้อมเพิ่มความหลากหลายทั้งสีผิว รอบเอว ส่วนสูง รวมแล้วจะมีรูปร่าง 4 แบบ สีผิว 7 แบบ สีตา 22 แบบ และทรงผมอีก 24 แบบ หลังถูกวิพากย์วิจารณ์ว่า รูปร่างที่สมบูรณ์แบบเกินไปของตุ๊กตาบาร์บี้มีอิทธิพลที่ไม่ดีต่อเด็กผู้หญิง
Ashley Graham นางแบบไซซ์ใหญ่ อธิบายว่า กระแสนี้เป็นเรื่องของการยอมรับขนาด และรูปแบบร่างกายที่แตกต่างกันตามโครงสร้างกระดูก-กล้ามเนื้อ และพันธุกรรม ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ และไม่ควรที่สังคมจะคาดหวังให้ผู้หญิงทุกคนมีหุ่นผอมเพรียวระดับเดียวกับนางแบบแฟชั่น แต่ควรมองเรื่องความสมบูรณ์ของสุขภาพเป็นหลัก
ข้อมูลจาก: prachachat